beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์มา ๓๐ ปี บีแมนได้อะไรจากสหกรณ์ฯ บ้าง?


อยู่กับสหกรณ์ฯ โดยมีวินัยทางการเงิน ๕๐ ปี มีทรัพย์ผ่านมือรวมกว่า ๓ ล้านบาท

ที่ได้อย่างแรกคือเรื่อง "วินัยทางการเงิน" ซึ่งแบ่งเป็น ๔ หัวข้อ คือ

  1. วินัยทางด้านการออม..ต้องยอมรับเลยว่าแรก ๆ คนที่สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์นั้น หวังที่จะกู้ แต่เริ่มแรกต้องยื่นความประสงค์ในการสมัครกับสหกรณ์ฯ โดยกรอกใบสมัครเป็นสมาชิก และเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า ๑๐ บาท จากนั้นต้องออมกับสหกรณ์ก่อน โดยการซื้อหุ้น/สะสม (หุ้นละ ๑๐) บาท โดยการออมภาคบังคับ ต้องซื้อหุ้นในอัตราไม่ต่ำร้อยละ ๕ ของเงินเดือน (ซื้อได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของเงินเดือน) และต้องเพิ่มหุ้นทุกเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย ๖ เดือน จึงจะเริ่มมีสิทธิ์กู้ (และควรสะสมหุ้นตลอดไปเพื่อความมีวินัยทางด้านการเงินที่ดี) ตอนนี้เราเป็นสมาชิก เท่ากับเราเป็นเจ้าของสหกรณ์แล้ว...นอกจากจะออมผ่านการสะสมหุ้น แล้วยังมีการออมผ่านบัญชีเงินฝากต่างๆ ของสหกรณ์ฯด้วย

  2. วินัยด้านการชำระหนี้...เมื่อสะสมหุ้นไประยะหนึ่ง ฝึกวินัยด้านการออมดีแล้ว สมาชืกจะมีสิทธิ์ขอกู้เงินจากสหกรณ์ เป็นการกู้สามัญที่มีสมาชิกค้ำประกัน (แต่มีอีกประเภทหนึ่งใช้หุ้นค้ำ กู้ได้ร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าหุ้น ซึ่งบีแมนกู้แบบอย่างหลังนี้) โดยที่มีการตกลงกับสหกรณ์ว่าจะส่งคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเดือนละเท่าไร ตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ณ ขณะนั้น โดยสหกรณ์จะแจ้งฝ่ายการเงิน หักเงินเดือนชำระหนี้เท่าๆ กัน ทุกเดือน...ยังผลให้สมาชิกต้องส่งเงินเข้าสหกรณ์ ๒ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งสะสมหุ้น และอีกส่วนหนึ่งส่งเงินชำระหนี้เงินกู้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย..ผลทางอ้อมคือ มีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรการอยู่ร่วมกันระหว่างสมาชิก เพื่อนสมาชิก (คนค้ำประกัน) และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ (คนอำนวยความสะดวกทำสัญญากู้ยืมเงิน)

  3. วินัยด้านการเพิ่มรายได้....พอถึงสิ้นปีทางบัญชี สหกรณ์จะจ่ายเงินปันผลประจำปี (ประมาณ ๒๕ มกราคม ของทุกปี) จากการสะสมหุ้นของเรา เป็นการเพิ่มรายได้จากการออม และหากเรามีเงินกู้ จะมีการเฉลี่ยเงินคืนจากดอกเบี้ยที่เราเสียให้สหกรณ์รวมทั้งปี ในอัตราที่สหกรณ์กำหนด (ปีดำเนินการ ๒๕๕๖ เฉลี่ยคืนใ่ห้ในอัตราร้อยละ ๒๐) สรุปว่า สมาชิกมีรายได้จากสหกรณ์ ๒ ทางคือ เงินปันผล และเงินเฉลี่ยคืน (อาจมีดอกเบี้ยเงินฝากด้วยแต่ขอไม่พูดถึง)

  4. วินัยด้านบริหารรายจ่าย...การที่สหกรณ์หักเงิน ณ ที่จ่าย เพื่อการออมและการชำระหนี้นั้น จะเป็นการบังคับทางอ้อม ให้สมาชิกฝึกการบริหารรายจ่ายในรอบเดือน จากเงินเดือนที่เหลือจากการหัก เพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และอื่นๆ (ซึ่งข้อนี้บีแมน..ได้ประโยชน์เต็มๆ เลยมีเรื่องราวมาเขียนบันทึก..อิอิ)

สรุปว่า ในรอบ ๑๔ ปี บีแมนจะได้รับเงินปันผลและเฉลี่ยคืน ประมาณ ๗ แสนบาท..

ผลจากวินัยทางการเงิน ทำให้หากมีชีวิตอยู่ จนถึงอายุ ๖๐ ปี จะได้รับเงินผลประโยชน์อื่นๆ อีก จากสหกรณ์ดังนี้

  1. เงินเพิ่มสะสมค่าหุ้นฟรีทุกปี รวมประมาณ ๖,๐๐๐ บาท
  2. เงินบำเหน็จหุ้น ๒๕ รวม ๘,๐๐๐ บาท
  3. เงินบำเหน็จหุ้น ๖๐ รวม ๑๒,๐๐๐ บาท
  4. เงินสวัสดิการสงเคราะห์ รวม ๓๐,๐๐๐ บาท

หลังเกษียณ รับเงินคืน จากสหกรณ์ฯ อีกทุกเดือนๆ ละ ๑๐,๐๐๐ บาท (หากรับ ๒๐ ปี เป็นเงิน ๒ ล้าน ๔ แสนบาท)

หากอายุยืนถึง ๘๐ ปี รับเงินบำเหน็จเกื้อกูลสมาชิกอาวุโสอีก ๔ ครั้ง รวม ๕๐,๐๐๐ บาท..

หมายเลขบันทึก: 566884เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2014 16:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2017 11:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท