ที่ได้อย่างแรกคือเรื่อง "วินัยทางการเงิน" ซึ่งแบ่งเป็น ๔ หัวข้อ คือ
-
วินัยทางด้านการออม..ต้องยอมรับเลยว่าแรก ๆ คนที่สมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์นั้น หวังที่จะกู้ แต่เริ่มแรกต้องยื่นความประสงค์ในการสมัครกับสหกรณ์ฯ โดยกรอกใบสมัครเป็นสมาชิก และเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า ๑๐ บาท จากนั้นต้องออมกับสหกรณ์ก่อน โดยการซื้อหุ้น/สะสม (หุ้นละ ๑๐) บาท โดยการออมภาคบังคับ ต้องซื้อหุ้นในอัตราไม่ต่ำร้อยละ ๕ ของเงินเดือน (ซื้อได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของเงินเดือน) และต้องเพิ่มหุ้นทุกเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย ๖ เดือน จึงจะเริ่มมีสิทธิ์กู้ (และควรสะสมหุ้นตลอดไปเพื่อความมีวินัยทางด้านการเงินที่ดี) ตอนนี้เราเป็นสมาชิก เท่ากับเราเป็นเจ้าของสหกรณ์แล้ว...นอกจากจะออมผ่านการสะสมหุ้น แล้วยังมีการออมผ่านบัญชีเงินฝากต่างๆ ของสหกรณ์ฯด้วย
-
วินัยด้านการชำระหนี้...เมื่อสะสมหุ้นไประยะหนึ่ง ฝึกวินัยด้านการออมดีแล้ว สมาชืกจะมีสิทธิ์ขอกู้เงินจากสหกรณ์ เป็นการกู้สามัญที่มีสมาชิกค้ำประกัน (แต่มีอีกประเภทหนึ่งใช้หุ้นค้ำ กู้ได้ร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าหุ้น ซึ่งบีแมนกู้แบบอย่างหลังนี้) โดยที่มีการตกลงกับสหกรณ์ว่าจะส่งคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเดือนละเท่าไร ตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ณ ขณะนั้น โดยสหกรณ์จะแจ้งฝ่ายการเงิน หักเงินเดือนชำระหนี้เท่าๆ กัน ทุกเดือน...ยังผลให้สมาชิกต้องส่งเงินเข้าสหกรณ์ ๒ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งสะสมหุ้น และอีกส่วนหนึ่งส่งเงินชำระหนี้เงินกู้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย..ผลทางอ้อมคือ มีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรการอยู่ร่วมกันระหว่างสมาชิก เพื่อนสมาชิก (คนค้ำประกัน) และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ (คนอำนวยความสะดวกทำสัญญากู้ยืมเงิน)
-
วินัยด้านการเพิ่มรายได้....พอถึงสิ้นปีทางบัญชี สหกรณ์จะจ่ายเงินปันผลประจำปี (ประมาณ ๒๕ มกราคม ของทุกปี) จากการสะสมหุ้นของเรา เป็นการเพิ่มรายได้จากการออม และหากเรามีเงินกู้ จะมีการเฉลี่ยเงินคืนจากดอกเบี้ยที่เราเสียให้สหกรณ์รวมทั้งปี ในอัตราที่สหกรณ์กำหนด (ปีดำเนินการ ๒๕๕๖ เฉลี่ยคืนใ่ห้ในอัตราร้อยละ ๒๐) สรุปว่า สมาชิกมีรายได้จากสหกรณ์ ๒ ทางคือ เงินปันผล และเงินเฉลี่ยคืน (อาจมีดอกเบี้ยเงินฝากด้วยแต่ขอไม่พูดถึง)
-
วินัยด้านบริหารรายจ่าย...การที่สหกรณ์หักเงิน ณ ที่จ่าย เพื่อการออมและการชำระหนี้นั้น จะเป็นการบังคับทางอ้อม ให้สมาชิกฝึกการบริหารรายจ่ายในรอบเดือน จากเงินเดือนที่เหลือจากการหัก เพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และอื่นๆ (ซึ่งข้อนี้บีแมน..ได้ประโยชน์เต็มๆ เลยมีเรื่องราวมาเขียนบันทึก..อิอิ)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สรุปว่า ในรอบ ๑๔ ปี บีแมนจะได้รับเงินปันผลและเฉลี่ยคืน ประมาณ ๗ แสนบาท..
ผลจากวินัยทางการเงิน ทำให้หากมีชีวิตอยู่ จนถึงอายุ ๖๐ ปี จะได้รับเงินผลประโยชน์อื่นๆ อีก จากสหกรณ์ดังนี้
- เงินเพิ่มสะสมค่าหุ้นฟรีทุกปี รวมประมาณ ๖,๐๐๐ บาท
- เงินบำเหน็จหุ้น ๒๕ รวม ๘,๐๐๐ บาท
- เงินบำเหน็จหุ้น ๖๐ รวม ๑๒,๐๐๐ บาท
- เงินสวัสดิการสงเคราะห์ รวม ๓๐,๐๐๐ บาท
หลังเกษียณ รับเงินคืน จากสหกรณ์ฯ อีกทุกเดือนๆ ละ ๑๐,๐๐๐ บาท (หากรับ ๒๐ ปี เป็นเงิน ๒ ล้าน ๔ แสนบาท)
หากอายุยืนถึง ๘๐ ปี รับเงินบำเหน็จเกื้อกูลสมาชิกอาวุโสอีก ๔ ครั้ง รวม ๕๐,๐๐๐ บาท..