วันนี้(20ตุลา48)เป็นวันพฤหัสซึ่งเป็นวันคลินิกเบาหวานของโรงพยาบาลบ้านตาก(สัปดาห์หนึ่งมี 2 วันคือพุธกับพฤหัส) เวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง ผมเดินไปที่โอพีดีก็พบว่ามีคนไข้เบาหวานรออยู่ประมาณ 50 คน พยาบาลโอพีดีอยู่ครบ หมออยู่ครบทุกห้องตรวจ(3ห้อง) เจ้าหน้าที่แล็บอยู่ครบทุกคน(3คน) ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างขะมักเขม้น คนไข้ก็นั่งคอยอย่างขะมักเขม้นเช่นกัน เรื่องของเบาหวานนี่มีการปรับระบบบริการกันอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วย การตรวจเลือดที่โรงพยาบาลบ้านตากใช้การตรวจจากCentral vein ทุกราย เนื่องจากทีมPCTต้องการค่าที่ถูกต้องแม่นยำ ห้องแล็บจึงปรับจากการเจาะปลายนิ้ว(Peripheral vein)มาเป็นเจาะจากเส้นเลือดดำโดยตรง เพื่อต้องการค่าที่แม่นยำมากขึ้น ผลที่ตามมาคือการตรวจที่ยุ่งยากมากขึ้นของห้องแล็บและใช้เวลานานขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรอนานขึ้น เราก็ปรับเวลาทำงานกันเร็วขึ้น(มาทำงาน 7 โมง)เพื่อให้เสร็จเช้าขึ้น ผู้ป่วยไม่ต้องทนหิวนานเกินไป ผมก็ได้เดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่แล็บซึ่งเขาก็บอกว่างานหนักมากขึ้น ยิ่งถ้ามีคนลา ไปอบรมเหลือ1-2 คน ก็จะส่งผลให้รอผลเลือดนานมากขึ้นอีก และแน่นอนว่าความพึงพอใจของผู้ป่วยจะต้องลดลง แม้ในช่วงรอจะมีอาหารสาธิต มีกิจกรรมออกกำลังกาย กิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้อยู่ด้วยก็ตาม(แต่ผมจะยังไม่พูดถึงประเด็นเหล่านี้) การตรวจเลือดแบบปัจจุบันใช้เวลา30-60 นาทีกว่าจะทราบผล แต่การเจาะจากปลายนิ้วใช้เวลา 2 นาที โดยห้องแล็บก็ได้มีการจัดทำการเปรียบเทียบค่าผลน้ำตาลจากCentral veinที่ทำกับจากเจาะปลายนิ้วพบว่าค่าความแตกต่างร้อยละ 7 เท่านั้น นั่นคือถ้าคนไข้คนหนึ่งเจาะเลือดเส้นเลือดดำได้ 100 ถ้าเจาะจากปลายนิ้วอาจได้ 73 หรือ 107 ผมก็คิดในใจ ถ้าผลแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงการรักษาของแพทย์หรือทำให้การรักษาที่แตกต่างกันหรือไม่(ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะแตกต่าง) หากเป็นการตรวจติดตามผลการรักษา(Monitor)ไม่ใช่การตรวจวินิจฉัยครั้งแรกเพื่อเริ่มการรักษา ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์ เป็นผู้ให้บริการ เป็นผู้บริหาร เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นเพื่อนร่วมงาน ในหลายบทบาท ผมย่อมต้องคิดแล้วว่าอะไรคือความเหมาะสมที่สุดสำหรับโรงพยาบาลบ้านตาก ถ้าลดความถูกต้องลง 7% เพิ่มความเร็วของผู้ป่วยในการรับบริการได้ 1 ชั่วโมง ลดภาระยุ่งยากของเจ้าหน้าที่ห้องแล็บลง แต่ยังคงคุณภาพบริการไว้ จะทำอย่างไร หากตรวจติดตามแบบCental veinปีละ 2 ครั้งพร้อมกับการตรวจค่าการทำงานของไตในผู้ป่วยรายเก่า ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่จะวินิจฉัยทุกรายต้องวินิจฉัยจากCentral vein จะลดอะไรๆไปได้หลายยอย่าง แต่เวลารอคอยบริการที่สั้นลงสำหรับคนอดอาหารเช้ามาน่าจะสร้างความพึงพอใจได้มากกว่าและสุขมากกว่า(หรือไม่) แต่ผมคงไปสั่งไม่ได้เพราะต้องเป็นการพิจารณาของทีมPCTที่เขารับผิดชอบโดยตรง ต้องมาคุยกัน ส่วนระบบอื่นๆของเบาหวานยังมีอีกหลายประเด็น แต่ยกประเด็นนี้ก่อน ท่านผู้อ่านมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ