ตามรอยพระศาสดาในแดนพุทธภูมิ ตอนที่ 9 - (ตโปธาร - ราชคฤห์)
วันที่ 7-ของการเดินทาง (23 พย. 2556)
ตโปธาร (Tapodarama)คือบ่อน้ำพุร้อน (hot springs)ที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล อยู่ติดกับวัดเวฬุวัน เป็นที่สรงน้ำของพระสงฆ์ในสมัยนั้น
ที่ตโปธารนี้ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยข้อหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะมาอาบน้ำซึ่งมีเป็นจำนวนมาก คือพระภิกษุที่จะสรงน้ำที่นี่ได้ต้องเว้นทุก ๆ 15 วัน มิฉะนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์ ยกเว้นภิกษุผู้อาพาธ ภิกษุผู้ทำนวกรรม ภิกษุผู้เดินทางไกล หรือในคราวที่อากาศร้อนจัดเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์ทรงทราบว่าพระเจ้าพิมพิสารเสด็จกลับวังไม่ทัน เพราะรอคอยให้พระภิกษุซึ่งมีจำนวนมากสรงน้ำให้เสร็จเสียก่อนจนมืดค่ำ และประตูวังปิด ภายหลังพระมหากัจจายนะหรือพระสังกัจจายน์ทรงทูลขอให้ยกเลิกสิกขาบทนี้เพราะในที่ที่พระมหากัจจายนะอยู่นั้นจำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันเนื่องจากเป็นเมืองร้อน พระองค์จึงยกเลิกสิกขาบทนี้ไป
ปัจจุบันชื่อตโปธารในสมัยพุทธกาลได้เปลี่ยนเป็น Laxmi Narayan Temple เป็นวัดฮินดูที่มีชาวฮินดูมาจาริกแสวงบุญจำนวนมากแห่งหนึ่งของอินเดีย ชาวฮินดูเชื่อว่าธารน้ำอุ่นนี้ไหลมาจากเขาเวภารบรรพตซึ่งไหลมาจากพรหมโลกผ่านแม่น้ำสรัสวดี เป็นน้ำที่ล้างบาปได้พระนาม "สรัสวดี" คือพระนามของพระแม่สรัสวดี เทพแห่งวิทยาการ ผู้เป็นพระมเหสีของพระนารายณ์
ที่ตโปธารเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าการแบ่งชนชั้นวรรณะของชาวอินเดียยังมีอยู่ในปัจจุบัน คนวรรณะพราหมณ์(Brahmins)และแพศย์ (The Vaisyas) ดื่มน้ำ อาบน้ำ และซักผ้า บนอาคารชั้นสูงสุด แล้วไหลลงมาให้วรรณะศูทร (The Sudras)ใช้ต่อ จากนั้นจึงไหลลงมาชั้นล่างสุดถึงระดับจัณฑาล(The outcasts or untouchables) คนฮินดูยังคงยอมรับวัฒนธรรมและกฏเกณฑ์นี้ได้อย่างเป็นปกติอยู่
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ คุณมะเดื่อ มากค่ะที่ให้กำลังใจเป็นท่านแรก
กราบนมัสการและขอบคุณ พระคุณเจ้าพระจาตุรงค์ อาจารสุโภ อาจารย์ Dr. Pop คุณหมอทพญ.ธิรัมภา อาจารย์
บุษยมาศ และอาจารย์ kanchana muangyai ที่ให้ดอกไม้ค่ะ