สมพร สายสิงห์ทอง : คำขอร้อง...ครั้งสุดท้าย


ยายฮ้อย...ผู้ป่วยโรค COPD อายุ ๖๐ กว่าปี ตัวเล็กๆผอมๆ ใบหน้าซีดๆเซียวๆ แก้มตอบ ริมฝีปากเขียวคล้ำ เป็นคนต่างอำเภอ เข้าๆออกๆโรงพยาบาลหลายครั้ง....ครั้งสุดท้าย....ยายฮ้อยอาการหนัก จึงถูกย้ายมาห้องไอซียู เตียง ๗ เป็นเตียงที่ยายฮ้อยจับจองเป็นเจ้าของนานเกือบ ๒ ปี ยายฮ้อยเป็นคนน่าสงสาร เกือบ ๒ ปีที่ยายฮ้อยมานอนอยู่ไอซียู ลูกชายคนเดียวของยายฮ้อยมาเยี่ยมไม่ถึง ๕ ครั้ง 

นอกจากจะทุกข์ทรมานจากอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ซี่โครงบาน ต้องเจาะคอใส่เครื่องช่วยหายใจ ใส่สายยางให้อาหาร จนจมูกเป็นแผลจากแรงกดทับ ต้องใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ ฉีดยา เจาะเลือด แทงเข็มเพื่อให้น้ำเกลือนับครั้งไม่ถ้วน ยายฮ้อยยังต้องทุกข์ทรมานทางจิตใจ จากความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ลูกๆหลานๆไม่เคยมาดูแล ยายฮ้อยเคยพูดโดยเอานิ้วอุดท่อที่เจาะคอเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจพร้อมน้ำตาที่ไหลริน ยายฮ้อยบอกว่า “ยายมัน ขอน....บ่มีเห็ด”

ทุกครั้งที่เห็นผู้ป่วยข้างเตียงมีลูกหลานมาเยี่ยม ยายฮ้อยจะนั่งมอง นอนมองด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความน้อยใจในโชคชะตา มือน้อยๆเอื้อมมาปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มตอบๆทิ้ง 

ความตาย........สิ่งที่มนุษย์ทุกคนกลัว แต่.....เมื่อเห็นคนตายบ่อยครั้งเข้า ความกลัวก็จะลดน้อยลง ยายฮ้อยก็เช่นกัน ใหม่ๆยายจะเขย่าเตียงเรียกทุกครั้งที่เครื่องช่วยหายใจหลุดหรือว่ามีอาการเหนื่อยหอบ เพราะกลัวตาย ยายฮ้อยเคยหยุดหายใจและได้รับการช่วยฟื้นคืนชีพช่วงที่ฉันเข้าเวร ๒ ครั้ง

ยายฮ้อยบอกว่า “ต่อไปบ่ต้องปั้มยายเน้อ”

ยายฮ้อยดึงท่อช่วยหายใจออก ในวันสงกรานต์หลังจากเห็นผู้ป่วยรอบๆเตียงมีลูกหลานมารดน้ำดำหัว ขณะที่ยายฮ้อยไม่มีใครเลย แต่...เมื่อหายใจเองไม่ได้ ยายฮ้อยก็กวักมือหยอยๆ ปากขมุบขมิบ “ช่วยด้วย” ทำให้ฉันและทีมงานต้องวิ่งไปช่วยฟื้นคืนชีพให้ยายฮ้อยเป็นครั้งที่ ๓ 

หลังนอนไอซียู เกือบ ๒ ปี ยายฮ้อยร้องไห้ ร่ำร้องขอกลับไปตายที่บ้าน ถึงแม้ว่าดิฉันและเจ้าหน้าที่อีกหลายคนจะช่วยกันเกลี้ยกล่อม ให้กำลังใจและพร่ำบอกยายฮ้อยถึงความทุกข์ทรมานถ้าต้องเอาเครื่องช่วยหายใจออก เช่น

“ถ้าเอาเครื่องช่วยหายใจออกยายจะทรมานนะ หายใจเหมือนปลาทอง(พร้อมทำท่าหายใจแบบกระหายอากาศ).. เหมือนทุกครั้งที่ท่อช่วยหายใจหลุดไง จำได้ไหม”

“อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อยู่เป็นเพื่อนกันนะยายนะ”

แต่ยายก็ไม่ใจอ่อน ด้วยดวงตาที่เด็ดเดี่ยว ยายบอกว่า “ยังไงก็ต้องตาย ขอร้องเหอะ ช่วยตามลูกให้หน่อย ยายขอกลับไปตายที่บ้านนะ” ด้วยสายตาที่เว้าวอน แม้จะบอกยายว่า “ยายจะไปไม่ถึงบ้านนะเพราะบ้านยายไกลมาก” 

คำตอบของยายฮ้อยคือ “ยายจะอด(ทน)เอา”

สุดท้าย ทีมงานจึงติดต่อญาติ ลูกชายมารับยายฮ้อยกลับบ้าน ยายฮ้อยโบกมือลาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ริมฝีปากเขียวคล้ำ บอกว่า “ยายไปละเน้อ”

แต่ อนิจจา...ระหว่างทาง ยายฮ้อยหยุดหายใจ ญาติขับรถพายายฮ้อยไปโรงพยาบาลชุมชน และเสียชีวิต ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น...

หมายเลขบันทึก: 558491เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2014 20:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน 2014 06:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท