เข้าโรงเรียน


กลับสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง

ถูกส่งกลับให้ไปเข้าโรงเรียนในเมือง

ผู้เขียนมีชีวิตอยู่ในชนบทจนถึงวัยที่เข้าโรงเรียนเรียน ย่าก็ได้จับมาอาบน้ำ ขัดสีเนื้อตัว ด้วยผ้าชุบน้ำมันก๊าด หวังจะให้ผิวขาวขึ้น ต่างกับสมัยนี้ มีทั้งครีม โลชั่น และยากินให้ขาวได้ เมื่อไปเรียนหนังสือในเมืองจะได้ไม่อายใครเขา จัดหาเสื้อผ้าที่ดีที่สุดให้ใส่ ตอนนั้นผู้เขียนยังสวมรองเท้าไม่เป็น ย่าบอก “...ไม่เป็นไร รองเท้าใส่ไม่ยากค่อยไปฝึกเอาเมื่ออยู่ในเมือง...”ตอนนั้นจำได้ว่าแม่เป็นคนมารับไปอยู่ในเมือง ย่ายังย้ำว่า “...ไปเรียนหนังสือ โตขึ้นจะได้มีงานดีๆ ทำดีกว่าเลี้ยงวัว ทำนา ออกทะเลหาปลา มันเหนื่อย ให้เป็นเด็กดี อย่าดื้อ ต้องเป็นคนว่านอนสอนง่าย เรียนหนังสือให้เก่งๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคน จะได้เป็นครูเขา ย่า ทวด และญาติๆ ยังคงรักเจ้า ปิดภาคเรียนแล้วค่อยกลับมา...”วันออกเดินทาง บรรดาญาติๆ ก็มาส่งที่ท่าเทียบเรือ ย่าให้เงินติดตัว ป้าให้ข้าวสารใส่ในถุงผ้าเล็กๆ เพื่อนบ้านบางคนก็นำไก่มาฝากสองตัว เป็นตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียหนึ่งตัว เพื่อไปเลี้ยงทำพันธุ์ หากขยันให้อาหาร มันก็จะออกลูกออกหลานและออกไข่ให้เรากินทุกวันจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อไข่ทำให้ประหยัด ใจจริงผู้เขียนไม่อยากจากชนบทไป มันเป็นที่ๆ มีความสุขเพราะมีคนรักเรามากมายบ้านนอกแม้เป็นสังคมเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความร่มเย็นไม่เคยอดอยากเดือดร้อนอะไร โรงเรียนวัดก็มีให้เรียนแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ผู้เขียนต้องมาผจญภัยชีวิตในเมืองหาดใหญ่ ผู้เขียนไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไม่เคยเห็นในเมือง ไม่เคยเห็นรถยนต์ ทำให้รู้สึกกลัว แต่ด้วยค่านิยมของสังคมที่ใครๆ ชมชอบว่าทันสมัย มีแต่ความเจริญ จนแล้วจนรอดก็ต้องมาอยู่ในเมืองหาดใหญ่ไม่นานนักก็ปรับตัวเข้ากับสังคมเมืองได้ ผู้เขียนจำได้ว่าแม่ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมกับรองเท้าคู่แรกในชีวิตให้และให้เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดโคกสมานคุณได้รับความรู้พื้นฐาน ได้รับการอบรมบ่มนิสัยเป็นอย่างดี คุณครูทุกคนใจดี เวลาผู้เขียนไม่มีเงินครูก็ให้เงินกินข้าว และโดยเฉพาะวันพระก็ไปขอกินอาหารกลางวันที่โรงครัวของวัดหลังจากพระฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้ว

ชีวิตวัยเรียนก็สนุกดี บางครั้งก็ถูกทำโทษบ้างเพราะความซนเหมือนเด็กทั่วไป ถ้าวันไหนโดนครูตี มีรอยแผลที่น่องให้เห็น ก็จะกลับสายเพื่อไม่ให้แม่เห็นไม่งั้นโดนตีซ้ำ ต่างกับปัจจุบันครูทำโทษนักเรียนไม่ได้ แม้จะโดนทำโทษผมก็ไม่เคยโกรธคุณครู โตขึ้นยิ่งรักคุณครูเสียด้วยซ้ำ การขาดเรียนหรือหนีเรียนก็มีบ้างโดยเฉพาะวันหวยออก ผู้เขียนกับเพื่อนบางคนต้องหนีเรียนครึ่งวันเพื่อไปเข้าคิวคอยรับใบเรียงเบอร์ที่โรงพิมพ์แล้วนำไปวิ่งขายให้กับคอหวยที่คอยลุ้นรางวัลตามร้านค้าในตลาด ทำให้มีรายได้เป็นค่าขนมและช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่งผู้เขียนต้องช่วยครอบครัวหารายได้และเป็นการต่อสู้กับเศรษฐกิจในเมืองจนจบการศึกษาภาคบังคับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ในช่วงปิดภาคเรียน พ่อแม่ก็ให้สมัครเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ แต่ก็สอบไม่ผ่านแม่บอกว่า “...สอบเข้าโรงเรียนหลวงไม่ได้ก็ไม่มีเงินให้เรียนโรงเรียนราษฎร์เอกชน...” ความหวังที่จะได้ทำงานสบายๆ ก็ดับวูบลง ผู้เขียนต้องกลับไปอยู่ในชนบทเหมือนเดิม กลับไปคราวนี้มีประสบการณ์มากมายที่จะเล่าให้เพื่อนที่อยู่ที่นั้นฟัง อาทิ รถยนต์หรือรถไฟมีลักษณะอย่างไร? การขึ้นรถไปไหนมาไหน? การชมภาพยนตร์ในโรงหนังขนาดใหญ่ผิดกับภาพยนตร์กลางแปลงที่ฉายในลานวัด โดยเฉพาะเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในเมือง ความสะดวกสบายของคนมีเงินและชีวิตการดิ้นรนของคนจนที่ต้องต่อสู้ชีวิต

หมายเลขบันทึก: 551051เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2013 11:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน 2015 21:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

...เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่ามากนะคะ...ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท