วันที่ 9-11 ตุลาคม 2556 มีงานการศึกษาระดับโลก Worlddidac Asia 2013 และการประชุมผู้นำด้านการศึกษาแห่งเอเชีย หรือ Asia Education Leaders Forum (AELF) ที่จัดโดยสำนักงานเลขาธิการรัฐมนตรีศึกษาของเอเซียตะวันออเฉียงใต้ (SEAMEO) องค์การยูเนสโก (UNESCO) สมาคมเวิล์ดไดแด็ค (Worlddidac Assosiation) และบริษัท เทรดเด็กซ์ ประเทศไทย จำกัด
สมาคมเวิร์ลไดแด็คเป็นกลุ่มผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุ อุปกรณ์ หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ สำหรับวงการศึกษา มีสมาชิกกว่า 300 บริษัท จาก 42 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงเป็นงานแสดงมหกรรมสินค้าทางการศึกษาจากทั่วโลกจริงๆ คิดว่าคงไม่ต้องเล่าให้ฟัง เพราะสตางค์โรงเรียนของเราก็คงไม่ค่อยมีมาซื้อ เช่น กล้องดูดาวตัวละแสนสามหมื่น เป็นต้น จากที่ได้เดินตระเวนดู 1 รอบ หากให้แสดงความเห็นและที่อยากจะสะท้อน มีดังนี้ครับ
ส่วนการประชุมผู้นำด้านการศึกษาแห่งเอเชีย (AELF) ที่จัดพร้อมกันนั้น ปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “Southeast Asia Education, Working Together for Sustainable Future” ผู้จัดใช้คำว่า "ร่วมมือประสานเพื่ออนาคตอันยั่งยืน" ผมเห็นในโบรชัวร์และเว็บไซต์แจ้งว่าจำนวนผู้นำด้านการศึกษาน่าจะประมาณ 2,000 ราย ผมประมาณด้วยสายตาได้ประมาณ 200 วันแรก และประมาณ 60 คนในวันถัดมา สะท้อนในมุมหนึ่งว่า คนไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษา ไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นปัญหาเร่งด่วนจริง...
ผมมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางกลับก่อนครบกำหนดวันสุดท้าย จึงได้เข้าร่วมฟังแค่เพียง 2 วันแรก แต่จากการฟัง 2 วันแรก ที่เห็นเป็นรูปแบบเดียวกัน คือ ในช่วงวันเวลาครึ่งวัน จะ เริ่มด้วยการ "ปาฐกถาพิเศษ" จากวิทยกรที่เด่นที่สุดในช่วงนั้น 1 ชั่วโมง แล้วตามด้วยการ "เสวนาร่วม" ของวิทยากร 3 ท่าน โดยผู้ดำเนินรายการ (modulator) 1 ท่าน อีก 2 ชั่วโมง... ทั้งสองวัน การเสวนาร่วมเป็นเหมือนการกล่าว "ปาฐกถา" ประกอบพาวเวอร์พ็อยท์นั่นเอง...ดังนั้นวันที่สามก็คงจะมีรูปแบบเดียวกัน.. ความน่าสนใจจึงน่าจะไปอยู่ที่ตัววิทยากรและหัวเรื่องที่ท่านพูดมากกว่ากิจกรรมนำเสนอ...
เช้าวันแรก ท่านรัฐมนตรีฯ กล่าวถึงเป็นนโยบายที่ท่านได้ประกาศทางสื่อไปแล้วเช่น เน้นพัฒนาให้อัตราผู้เรียน อาชีพ:สามัญ เป็น 50:50 และพัฒนาการวิจัยของครูสู่การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน (อ่านคำกล่าวของท่านได้ที่นี่) ดร.วิทยา จิระเดชากุล ผู้อำนวยการ SEAMEO บอกว่า ต้องจัดการระบบเทียบโอนนิสิต และแลกเปลี่ยนบุคลากร และพัฒนาคุณภาพการศึกษาร่วมกัน ส่วนศาสตราจารย์ วัสสิลิออส อี เอฟธีนากิส ประธานสมาคมเวิร์ลไดแด็คบอกว่า เอเชียและอาเซียนจะต้องร่วมมือกัน พัฒนานักศึกษาให้ก้าวสู่การเป็นพลเมืองโลก และต้องคุยกันให้ชัดว่าครูต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่ในสังคมอย่างไรบ้าง
ตอนบ่ายเป็นปาฐกถาพิเศษของ ศาสตราจารย์ ตัน อุน เซง คณบดีคณะครุศาสตร์ สถาบันการศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์ (NIE) วิธีการ "นำสู่บทเรียน" ของท่านแปลกดีครับ...
ท่านเล่าว่า วันหนึ่งไอน์สไตน์ขึ้นรถไฟจะไปไหนสักแห่ง พอพนักงานมาขอตรวจดูตั๋ว ไอน์สไตน์ก็ค้นหาในกระเป๋าเสื้อผ้าและทุกกระเป๋าที่เขามีแล้วบอกว่า "ผมลืมไปแล้วผมเอาไว้ไหน" .. พนักงานพอจำได้ว่าเขาคือไอน์สไตน์ผู้โด่งดัง ก็บอกทันทีว่า "ไม่เป็นไรครับ เชิญท่านเดินทางพักผ่อนให้สบาย ผมจะอำนวยความสะดวกให้เอง"...แล้วก็กำลังจะเดินออกไป (ศ.ตัน ท่านพูดทั้งทำท่าทาง จึงทำให้ผู้ฟังสนใจยิ่ง) ... แต่ไอน์สไตน์กลับพูดขึ้นเสียงดังว่า... " ผมลืมไปด้วยว่าผมกำลังจะไปไหน รถไฟขบวนนี้จะไปไหนครับ"...ฮา ศ.ตันท่านสรุปว่า การศึกษานั้นไม่ใช่เพียงรู้ว่ากำลังทำอะไรแก้ปัญหาอะไรเท่านั้น แต่ต้องรู้ด้วยว่ากำลังจะไปทางไหนและไปอย่างไรด้วย
ท่านบอกว่า ปัจจัยของความสำเร็จทางการศึกษาของสิงคโปร์นั้น คือความร่วมมือประสานกัน 3 ส่วนคือ โรงเรียน (Schools) มหาวิทยาลัย (NIE) และกระทรวงศึกษาธิการ (MOE)... ผมชอบตรงที่ท่านเปรียบเทียบกับรูปสามมิติหลอกสายตา จนไม่รู้ว่าอะไรเกิดก่อนอะไร ขึ้นกับว่าเราจะมองใหมุมไหนเท่านั้น..ท่านบอกว่าในศตวรรษใหม่นี้ การศึกษาของครูก็ต้องปฏิรูป (Reform) เช่นกัน
อีกสไลด์หนึ่งที่ผมชอบ คือการแบ่งขั้นการพัฒนาบทบาทครูออกเป็น 3 ชั้นดังรูป
ต่อมาในช่วงเสวนา เป็นตอนที่ผมคิดว่า "คุ้มค่า" กับการมา และค่าลงทะเบียน (ขอบคุณมูลนิธิสยามกัมมาจล ไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ) อย่างยิ่ง เมื่อได้ฟัง ศาสตราจารย์ ไค มิง เชง จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง ที่ประทับใจเพราะท่านใช้ข้อมูลสนับสนุนได้อย่างนาเชื่อถือ และหักมุมความเข้าใจของคนทั่วไป หลายประเด็นดังนี้ครับ ท่านบอกว่า