*ข้อ 1. โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีนางหนึ่ง มกรา เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการรับทำเฟอร์นิเจอร์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1
*จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการมีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ได้มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขายไม้สัก รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 2
*ข้อ 2. เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 เวลากลางวันจำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายกล่าวคือ
*เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 551 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันออกเช็คของของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1010101 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 สั่งจ่ายเงินจำนวน 2,037,500 บาท โดยประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 และมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงลายมือชื่อร่วมกันเป็นผู้สั่งจ่าย มอบให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไว้ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสัญญาซื้อขายลงวันที่ 10 มกราคม 2551 และสัญญาประนีประนอมยอมความลงวันที่ 6 กันยายน 2551 เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 และ 4 โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และหนี้ตามเช็คดังกล่าวเป็นหนี้มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
*ข้อ 3. เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนด โจทก์ได้นำโจทก์ไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาจันทน์ เพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารเจ้าของเช็คตามวิธีการของธนาคาร ปรากฏว่าธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น โดยให้เหตุผลว่า "โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย" เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2551 และได้คืนเช็คกับใบคืนเช็คให้กับโจทก์มา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะยังไม่ได้รับเงินตามเช็ค ปรากฏตามสำเนาเช็คและใบคืนเช็ค เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5 และ 6
*ก่อนฟ้องโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายความส่งหนังสือทวงถามถึงจำเลยทั้งสามทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ชำระหนี้ตามเช็คให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามได้แล้วเพิกเฉย รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือทวงถามและใบตอบรับของบริษัท ไปรษณีย์ จำกัด เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 7 ถึง 12
*ข้อ 3. การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการร่วมมือกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น หรือถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้ อันเป็นความผิดต่อกฎหมาย
เหตุคดีนี้เกิดที่ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
โจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพราะประสงค์จะดำเนินคดีเอง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้อง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
หมายเหตุที่ทำ * คือย่อหน้า
ไม่มีความเห็น