การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยเครื่องมือตรวจวัดภาคสนาม
โดยปกติจะสามารถตรวจวัดได้ 2 วิธี คือ
1.ตรวจวัดในแม่น้ำลำธารหรือแหล่งน้ำโดยตรง คือ การใช้หัววัดคุณภาพน้ำจากเครื่องมือต่างๆ จุ่มลงในน้ำ และอ่านค่าที่วัดได้ขณะนั้นโดยตรงในเวลาเดียวกับการเก็บน้ำ ส่วนใหญ่จะตรวจวัดในกรณีที่ต้องลงเรือเก็บตัวอย่างน้ำ ซึ่งสามารถสัมผัสน้ำได้ในระยะใกล้หรือใช้ตรวจสอบแหล่งน้ำตื้น
2.ตรวจวัดบนฝั่ง คือ การตรวจวัดคุณภาพน้ำในภาชนะหรือขวดเก็บตัวอย่างขึ้นมา โดยใช้หัววัดจุ่มลงในภาชนะที่บรรจุตัวอย่างน้ำและอ่านค่าที่วัดได้ขณะนั้น ส่วนใหญ่จะตรวจวัดในกรณีที่มีการเก็บตัวอย่างน้ำบนสะพานซึ่งไม่สามารถสัมผัสน้ำได้ในระยะใกล้
ทุกครั้งก่อนนำเครื่องมือมาใช้ตรวจสอบคุณภาพน้ำภาคสนามต้องทำการปรับเทียบความถูกต้อง(Calibration)ให้มั่นใจว่าเครื่องมือใช้ได้และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเชื่อถือตามข้อเสนอแนะในคู่มือการใช้งานเสมอ
พารามิเตอร์ที่ต้องตรวจวัดคุณภาพในภาคสนาม ด้วยวิธีการตรวจวัดโดยใช้เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพน้ำ ประกอบด้วย 4 ชนิด ปกติเทคนิควิธีการใช้เครื่องมือแต่ละเครื่องให้ยึดตามคู่มือการใช้งานเป็นสำคัญ ในการนี้จะกล่าวถึงเทคนิค และสิ่งที่ควรคำนึงถึงสำหรับการใช้เครื่องมือเบื้องต้น ซึ่งอาจประยุกต์ใช้กับเครื่องมือในหลายยี่ห้อ ได้แก่
1.เครื่องมือตรวจสอบค่าความเค็ม การนำไฟฟ้า และอุณหภูมิ ในเครื่องเดียวหรือ S-C-T Meter
การตรวจสอบคุณภาพน้ำทั้ง 3 พารามิเตอร์ สามารถตรวจวัดได้โดยเครื่องมือเดียวกันที่เรียกว่า S-C-T Meter ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในหน่วยงาที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำ
กรณีการตรวจวัดแหล่งน้ำโดยตรง
สามารถจุ่มหัววัดลงในแหล่งน้ำได้เลย อาจไม่ต้องทำความสะอาด เพราะปกติก่อนเก็บหัววัดจะต้องทำความสะอาดอยู่แล้ว
การวัดค่าคุณภาพน้ำ ให้จุ่มหัววัดลงในแหล่งน้ำในตำแหน่งที่ต้องการอ่านค่าที่วัดได้จากหน้าจอแสดงค่า และเก็บบันทึกค่าคุณภาพน้ำเมื่อตัวเลขที่แสดงมีค่าคงที่
กรณีการตรวจวัดในภาชนะบรรจุตัวอย่างน้ำ
ให้ทำความสะอาดหัววัดโดยใช้น้ำกลั่นล้างหัววัดให้สะอาดแล้วซับหัววัดให้แห้งโดยใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าที่สะอาดหรืออาจล้างหัววัดด้วยน้ำตัวอย่างอีกครั้งก่อนการวัดจริง
การวัดค่าคุณภาพน้ำ ให้จุ่มหัววัดลงในตัวอย่างทน้ำในภาชนะโดยให้น้ำท่วมหัววัดในระดับที่เหมาะสม พยายามอย่าให้หัววัดสัมผัสกับภาชนะ และอ่านค่าที่ได้จากหน้าจอแสดงค่า โดยบันทึกค่าคุณภาพน้ำเมื่อตัวเลขแสดงค่ามีค่าคงที่
2.เครื่องมือตรวจสอบค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือ pH Meter
โดยทั่วไปการตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่างที่ดีต้องตรวจวัดในแหล่งน้ำโดยตรง ยกเว้นในแหล่งน้ำที่มีอัตราการไหลสูง มีตะกอนแขวนลอย หรือสาหร่ายหนาแน่น การตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในภาชนะบรรจุตัวอย่างน้ำจะดีกว่า เพระจะมีผลต่อความถูกต้องของการตรวจวัด และอาจเสี่ยงต่อความเสียหายของหัววัด
กรณีการตรวจวัดแหล่งน้ำโดยตรง
สามารถจุ่มหัววัดลงในแหล่งน้ำได้เลย อาจไม่ต้องทำความสะอาด เพราะปกติก่อนเก็บหัววัดจะต้องทำความสะอาดอยู่แล้ว และหัววัดจะต้องมีฝาครอบหรืออุปกรณ์ป้องกันการกระแทกจากวัสดุหรือของแข็งที่แวนลอยในน้ำหรือภาชนะขณะตรวจวัด เพราะหัววัดส่วนใหญ่มักจะเปราะบางแลแตกได้ง่าย
การตรวจวัดค่า pH ให้จุ่มหัววัดลงในแหล่งน้ำในตำแหน่งที่ต้องการ อ่านค่าที่วัดได้จากหน่้าจอแสดงค่า และเก็บบันทึกค่าคุณภาพน้ำ เมื่อตัวเลขที่แสดงมีค่าคงที่
กรณีการตรวจวัดในภาชนะบรรุตัวอย่างน้ำ
ให้ทำความสะอาดหัววัดโดยใช้น้ำกลั่นล้างหัววัดให้สะอาด แล้วซับหัววัดให้แห้งโดยใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าที่สะอาด และล้างหัววัดด้วยน้ำตัวอย่างอีกครั้งก่อนวัดจริง
การตรวจวัดค่า pH ให้จุ่มหัววัดลงในตัวอย่างน้ำในภาชนะ โดยให้น้ำท่วมหัววัดในระดับที่เหมาะสมหรือสามารถวัดค่าได้ พยายามอย่าให้หัววัดสัมผัสกับภาชนะ อาจใช้แท่งแก้วคนน้ำตัวอย่างในภาชนะให้เกิดการผสมกันอย่างดี (ไม่ต้องกวนแรงจนเกิดน้ำวน) และเก็บบันทึกค่าคุณภาพน้ำ เมื่อตัวเลขที่แสดงมีค่าคงที่
3.เครื่องมือตรวจสอบค่าออกซิเจนละลาย หรือ DO Meter
ปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำจะมีควาสัมพันธ์กับความดันบรรยากาศ อุณหภูมิและปริมาณของแข็งละลายในน้ำ ค่าออกซิเจนจะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของค่าดัชนีข้างต้น ดังนั้น การตรวจวัดค่าออกซิเจนจึงจำเป็นต้องตรวจวัดในแหล่งน้ำโดยตรง เพื่อไม่ให้เกิดการตรวจวัดที่ผิดพลาด สำหรับวิธีการและเทคนิคมีดังนี้
3.1ควรตรวจวัดค่า DO ทันที พร้อมกับการเก็บตัวอย่างน้ำ และตรวจวัดในแหล่งน้ำโดยตรง
3.2กรณีแหล่งน้ำมีอัตราการไหลของน้ำสูงมาก ๆ หรือมีความผันผวนในการไหลมากๆ อาจทำให้การตรวจวัดค่า DO มีความผิดพลาดได้ควรตรวจวัด โดยใช้วิธีการของ Winker method หรือการวิเคราะห์ทางเคมีโดยการไตเตรท(Titration)
3.3เนื่องจากหัววัด DO-Meter ประกอบด้วยเหยื่อบางหรือ Membrane ซึ่งบบอบางและง่ายต่อการฉีกขาดเสียหาย
ฉะนั้นควรมีอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกของหัววัดติดไว้ทุกครั้งขณะที่ตรวจวัดค่า DO ในแหล่งน้ำ และไม่ควรใช้หัววัดในที่มีกระแส
น้ำรุนแรง
3.4ควรเก็บหัววัด DO ในสภาพที่ชุ่มชื่นอยู่เสมอ ในอุปกรณ์เฉพาะสำหรับเก็บหัววัด และควรเก็บเครื่องมือในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
4.เครื่องมือตวจสอบค่าความขุ่นของน้ำ หรือ Turbidity Meter โดยใช้ Turbidity-Meter
ปัจจุบันเทคนิคการตรวจวัดค่าความขุ่นมี 3 เทคนิค คือ
4.1การวัดโดยใช้วิธี Nephelometric method
4.2การวัดโดยวิธีการใช้หัววัดใต้น้ำ (Submersible sensor)
4.3การวัดโดยการใช้ Spectrophotometer method
วิธี Nephelometric method เป็นวิธีที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเนื่องจากเป็นวิธีที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการตรวจวัดค่าความขุ่นโดยตรง วิธีการตรวจวัดนี้เป็นการตรวจวัด โดยใช้ตัวอย่างน้ำจากภาชนะบรรจุตัวอย่างน้ำ ซึ่งจะต้องตรวจวัดในเวลาเดียวกับการเก็บตัวอย่างน้ำ
ข้อควรระวังในการตรวจวัดค่าความขุ่น
1.ควรตรวจวัดค่าความขุ่นทันทีหลังจากการเก็บตัวอย่างน้ำ
2.ไม่ควรใช้มือสัมผัสของหลอดแก้วเปียกบริเวฯที่จะต้องตรวจวัดโดยตรง
3.ไม่ควรให้ผิวของแก้วเปียกหรือมีไอน้ำเกาะติดขณะตรวจวัด ควรเช็ดให้แห้งด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าสำหรับเช็ดหลอดที่สะอาด
4.ไม่ควรให้ตัวอย่างน้ำมีฟองน้ำขณะตรวจวัด
5.ผิวของหลอดแก้วสำหรับวัดค่าความขุ่น ไม่ควรมีรอยขุูดขีดหรือมีความสกปรกขณะตรวจวัด
6.ควรเก็บเครื่องมือไว้ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
คิดว่าจะได้เห็นนวัตกรรมการเก็บน้ำ ที่ออกแบบไป