ทำไมถึงเป็นทุกข์


ทำไมถึงเป็นทุกข์

ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจธรรม ทั้งหลาย,

            การบรรยายประจำวันเสาร์ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของ ภาควิสาขบูชา ; ภาคหนึ่งเป็นเวลา 3 เดือน , บัดนี้ก็ได้สิ้นสุดแห่งภาคมาฆบูชา แล้วในการบรรยายครั้งสุดท้ายโน้น ; วันนี้จึงเป็นการขึ้นบรรยายชุดใหม่ และเป็นครั้งที่ 1 ของชุดนี้. การบรรยายชุดนี้จะเรียกชื่อว่า พุทธวิธีชนะความทุกข์. พุทธวิธี คือ วิธีตามแบบวิธีของชาวพุทธ; ชนะความทุกข์ทั้งปวงวิธีของชาวพุทธ. ขอให้กำหนดหัวข้อใหญ่ไว้ในใจอย่างนี้ก่อน แล้วก็จะได้เข้าใจตามลำดับ.

            ในการบรรยายครั้งแรกนี้ ให้หัวข้อว่า ทำไมจึงเป็นทุกข์; คล้ายๆ กับว่าจะกระโดดข้ามไปหน่อย คือยังไม่พูดถึงความทุกข์, แต่เราจะพูดถึงว่า ทำไมจึงเป็นทุกข์โดยธรรมชาติ นั้นกันเสียก่อน.สำหรับ ความทุกข์คืออะไร นั้น ก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้ว หรือพอจะรู้กันอยู่ได้; แล้วก็จะออกชื่อถึงพอเป็นเครื่องระลึกได้ว่า ความทุกข์เป็นอย่างไร; แล้วจะพูดถึงว่า ทำไมจึงต้องเป็นทุกข์, ไปพูดถึงเหตุของมัน มันก็จะเป็นเรื่องที่มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ที่เราจะพูดถึงเหตุของความทุกข์กันเสียก่อน

            เรื่องทุกข์กับดับทุกข์เท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ

            และขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เข้าใจอย่างถูกต้องว่า เรื่องความทุกข์กับความดับทุกข์เท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ; พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสยืนยันว่า แต่ก่อนก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ดี เราพูด บัญญัติ เรื่อง ความทุกข์กับความดับทุกข์เท่านั้น, ท่านพูดว่า เท่านั้น. นี่ทำไมท่านจึงตรัสอย่างนี้ ก็เพราะว่า มันเรื่องสำคัญสำหรับมนุษย์นั่นเอง; แต่แล้วเราก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องนี้. ไปสนใจเรื่องที่อ้อมค้อม เช่นว่า เราเกิดมาจากไหน? เราจะไปไหน? เราตายแล้วจะเกิดอีกหรือไม่? ถ้าเกิดอะไรไปเกิด? แล้วก็เรื่องอื่นอีกมากมาย เกี่ยวกับเรื่องที่ยังไม่ต้องรู้. ส่วนเรื่องที่สำคัญที่สุดว่าเป็นทุกข์ และดับทุกข์อย่างไรนั้นไม่ค่อยจะสนใจ.

            ขอให้นึกๆ ดูให้ดี ว่าเราจะไปเกิดที่ไหน อย่างไร เมื่อไรกี่อย่าง กี่พันอย่าง มันก็มีปัญหาอย่างเดียวกันแหละ; เกิดอยู่ที่นี่มีความทุกข์ และดับทุกข์ให้ได้. ไปเกิดในชาติอื่น คราวอื่น โลกหน้า โลกอื่น, ถ้าไปเกิด; มันก็มีปัญหาอย่างเดียวกันอีกแหละคือความทุกข์จะต้องดับทุกข์ให้ได้. ดังนั้น เราจะต้องสนใจข้อที่ว่ามันจะเกิดอยู่ที่ไหน มันก็ต้องดับทุกข์ให้ได้; นั่นแหละเป็นเรื่องสำคัญ.

            ทีนี้เราไปสนใจเรื่องอื่นที่มันชวนสงสัย หรือว่าชวนให้น่าอัศจรรย์เสียมากกว่า, ไม่เจาะจงไปที่ตัวความทุกข์และตัวความดับทุกข์; หรือแม้ว่าอยู่ที่นี่แล้วเราก็สนใจเรื่องทำมาหากิน เรื่องต่างๆที่บีบคั้นอยู่, แล้วก็ไม่ได้สนใจว่า มันเป็นความทุกข์เกิดขึ้นเพราะเหตุใด; นี่จึงไม่พบตัวเรื่องแท้จริงขอบพุทธศาสนา คือเรื่องความดับทุกข์.

            นี่ขอให้มีความแน่ใจในการที่ว่า เราสนใจเรื่องความทุกข์กับความดับทุกข์เท่านั้นก็พอ, ก็พอ; เพราะมันหมดปัญหานี่ : ถ้ามันดับทุกข์ได้สิ้นเชิงแล้วปัญหามันหมด. ปัญหามันเหลืออยู่ที่ความทุกข์มันมีอยู่ที่ความทุกข์, ถ้าดับทุกข์ได้แล้วปัญหามันก็หมด ก็เป็นอยู่โดยที่ไม่ต้องเป็นทุกข์

          คนเรามีความทุกข์อยู่ด้วยเรื่องอะไรกันบ้าง

            ทีนี้ข้อที่ว่า จะมีความทุกข์กันด้วยเหตุอย่างไรบ้าง? นั้นก็ขอให้ท่านทั้งหลายนึกเอาเอง นึกเอาเอง มันดีกว่า คือมันรู้ชัดอยู่แก่ใจยิ่งกว่าที่ผู้อื่นจะบอกให้; แต่ถึงอย่างไรนั้นก็ว่า ถ้าไม่มีใครมา บอกให้ มันก็ชวนให้นึกได้ง่าย. ทีนี้อาตมาก็จะบอกให้ได้บ้างเหมือนกัน; ขอให้ลองฟังให้ดี ว่าเราทุกคนทุกวันนี้มีความทุกข์อยู่ด้วยเรื่องอะไรบ้าง : -

            เรื่องแรกที่สุด มีความทุกข์ เพราะประกอบการงานอาชีพไม่ได้ตามที่ต้องการ. ประกอบอาชีพไม่ได้ตามที่ต้องการ เขาก็เป็นทุกข์ เพราะความเข้าใจผิด; แทนที่จะหาปัจจัยให้แก่ชีวิต กลับไปหาปัจจัยให้แก่กิเลส ก็ทำการงานผิดหมด.

            ทีนี้ ดำรงชีวิตอยู่อย่างผิดๆ ดำรงชีวิตอย่างผิดๆ, ดำรงชีวิตอยู่อย่างงมงาย จนกระทั่งว่ามันเหมือนกับไร้การศึกษา ไร้ธรรมะ ไร้ความรู้ทางธรรมะที่ถูกต้อง; ดำรงชีวิตผิดๆ มันก็เกิดความทุกข์ขึ้น.

            ดูต่อไปอีก สุขภาพอนามัยไม่ดี ทั้งทางกายและทางจิต มันก็เป็นทุกข์อีก. ดูต่อไปอีก แม้แต่ว่าในครอบครัว ในครอบครัว เป็น ผัว เมีย ลูก แม่อะไร มัน ไม่ราบรื่น มันไม่ราบรื่น มันมีความบกพร่องผิดพลาดฝ่ายผัว ฝ่ายเมีย ฝ่ายลูก ฝ่ายอะไรต่างๆ; ในครอบครัวมันไม่ราบรื่น มันก็เป็นทุกข์.

            ทีนี้ การเศรษฐกิจ การเงิน การทอง ก็ ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ มันก็เป็นทุกข์. การคบหาสมาคมสังคมก็ไม่ราบรื่น ไม่มีใครรักใคร่เคารพนับถือ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเคารพนับถือ มันก็เป็นทุกข์. ทีนี้

เรื่องเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งมันครอบงำอยู่ในสังคมนี้มันก็มีปัญหาที่ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ มันก็เป็นทุกข์. แล้วน่าหัวเราะว่า การที่เราต้องอยู่ร่วมโลกกับคนอันธพาล มันก็เป็นทุกข์.เราต้องอยู่ร่วมโลกกับคนอันธพาล เดินสวนทางกัน เป็นอย่างไรบ้างมันก็ต้องเกิดขึ้น ต้องมีเรื่อง ต้องระวัง; อย่างขับรถ รถคันหนึ่งมันคนอันธพาล คนทีดีมันก็เดือดร้อนเกือบตาย ต้องระมัดระวังการการะทำของคนอันธพาล; เพราะอยู่ร่วมโลกกับคนอันธพาลก็ต้องเป็นทุกข์.

            ทีนี้ ต้องต่อสู้กับสิ่งที่มันยั่วยวนให้เกิดกิเลส ยั่วยวนแก่กิเลส. ในโลกบัดนี้ ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้นยั่วยวนกิเลสมากขึ้นทุกที มากขึ้นทุกที, จนเหลือที่จะอดทนอยู่ได้ ต้องไปซื้อ ต้องไปหามา; แล้วมันก็เป็นเรื่องที่หลอกลวงอยู่มากนะ. อยากจะพูดว่าในสมัยโน้น ก่อนที่มนุษย์รู้จักทำน้ำแข็ง มนุษย์ไม่ได้กินน้ำแข็ง ไม่รู้จักทำน้ำแข็ง ยังไม่รู้จักทำน้ำแข็ง, มนุษย์เยือกเย็นกว่าเดี๋ยวนี้ มนุษย์เย็นอกเย็นใจกว่าเดี๋ยวนี้. เมื่อยังไม่มีไฟฟ้า เมื่อมนุษย์ยังไม่มีไฟฟ้าไม่รู้จักใช้ไฟฟ้า จิตใจของมนุษย์สว่างกว่าเดี๋ยวนี้; พอมันมีไฟฟ้าแทนที่จะมีความสว่างกลับมีความมืดมน. นี้เรียกว่า สิ่งยั่วยวนที่มันจะมายั่วให้ต้องมี ต้องหา ต้องทำให้มันมีใช้ ต้องทำน่ะ มันมีมากขึ้นมันก็เป็นทุกข์. ต้องเอาที่ดินไปจำนองธนาคารสักหมื่นหนึ่งเอามาซื้อทีวี แล้วก็เอามาทำสิ่งที่ว่าพนันมวย ไม่ได้ประโยชน์อะไร; หรือไปซื้อตู้เย็น ถึงกับซื้อตู้เย็น ถึงกับหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า อย่างนี้ มันก็ต้องเป็นทุกข์.

            ทีนี้ เป็นทุกข์ เพราะอุปัตตติเหตุ ซึ่งต้องระวังตัวแจ ระวังตัวยิ่งขึ้นทุกที. ในโลกนี้มันมีอุปัตติเหตุได้ง่ายขึ้นทุกที เช่นทำถนนหนทางมากขึ้น ดีขึ้น ขับรถเร็วขึ้น มีเรือ รถ เรือบินอะไรไปมามากขึ้น ฉะนั้น อุปัตติเหตุเรื่องนี้มันก็มีมากขึ้น. ก่อนแต่มีเรือบิน มันก็ไม่มีอุปัตติเหตุ. รถไฟ เรือไฟ ถ้ามันยังไม่มี มันก็ไม่มีอุปัตติเหตุ; นี่เรือไฟจมมีบ่อยๆ , รถชนเอานี้ก็มีบ่อยๆ ; เพราะว่ามันมีขึ้นมา. อุปัตติเหตุในโลกมีได้ง่าย มากขึ้นเร็วขึ้น จนต้องระมัดระวังกันแจ นี้ก็มีความทุกข์.

            ทีนี้ ความปรวนแปรของธรรมชาติ. เดี๋ยวนี้ธรรมชาติก็ปรวนแปรหนักขึ้นทุกที เพราะว่ามีคนไปทำลายธรรมชาติก็ปรวนแปรขึ้นทุกที เพราะว่ามีคนไปทำลายธรรมชาติมากขึ้น; ก็เป็นความทุกข์เพราะธรรมชาติปรวนแปรมากขึ้น. อย่างเดี๋ยวนี้จะเห็นได้ชัดว่า ฝนนี้มันไม่ตกตามที่มันควรจะตก.

            ทีนี้ ดูที่ตัวเอง : มันอยากจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ให้มากขึ้น ให้มากกว่าที่เขานิยมกัน มันก็ต้องไปหามาเท่านั้นแหละ. อย่างว่าจะมีงานแต่งงาน มีงานบวชนาค มีการขึ้นบ้านใหม่อะไรนี้ มันกลัวจะไม่ทันเขา มันก็ต้องหาเหล้ามาเลี้ยง มันต้องหาเครื่องขยายเสียงมาเล่น ซึ่งมันไม่ต้องทำก็ได้; แต่ต้องเหตุที่จะต้องให้เหมือนเขาหรืออยากจะให้มากกว่าเขา มันก็ต้องทำ ก็เกิดขึ้นหายุ่งยาก นำมาซึ่งความทุกข์

            ทีนี้ ปัญหาหลายๆ ชนิดเกิดมาจากการที่ว่าเดี๋ยวเกิดความแก่ เดี๋ยวเกิดความเจ็บ เดี๋ยวเกิดความตาย เดี๋ยวเกิดความเจ็บไข้ เกิดความตายนี้; ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่ก็มีปัญหาออกมาหลายอย่างหลายชนิดให้ต้องเป็นทุกข์. แม้แต่ การยึดมั่นถือมั่นว่าตัวกูว่าของกู อยู่ในใจ, เมื่อไรเกิดขึ้น มันก็เป็นทุกข์เมื่อนั้น; ไม่ต้องมีของอะไรมาเกี่ยวข้อง ก็เป็นทุกข์ได้ เพราะจิตมันคิดยึดมั่นขึ้นมาเอง หวาดระแวงขึ้นมาเอง กลัวขึ้นมาเอง มันก็เป็นทุกข์.

            นิวรณ์ 5 รบกวน นี้เป็นของมีอยู่ประจำ แต่คนไม่รู้จักก็เป็นทุกข์; หาความสงบเยือกเย็นไม่ได้ ถ้านิวรณ์ 5 รบกวน. แล้วก็ กิเลสก็รบกวน นี่ไม่ต้องพูด มันก็มีความทุกข์. ทีนี้อาการ, อาการของกิเลส ยิ่งเผา เผาเลย ถึงกับเผาเลย : ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความวิตกกังวล ความอาลัยอาวรณ์ ความอิจฉา ริษยา ความหวง ความหึง เหล่านี้ก็เผา ก็เป็นทุกข์. และมีความลังเล ไม่แน่ใจอยู่ประจำ; ข้อนี้ลึกซึ้งหน่อย. ไม่มีใครเชื่อเด็ดขาดลงไปได้ ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น มันก็ได้แต่ระแวง ระแวงไปทุกอย่างแหละ : เรื่องการเงิน การปลอดภัย การสุขภาพอนามัย แม้แต่กิจกรรมงานที่กระทำอยู่ แม้แต่ว่าทำนาปีนี้ มันจะได้ผลหรือมันจะไม่ได้ผล อย่างนี้มันก็เป็นเรื่องลังเลมากมายหลายทิศทาง, ความลังเลเหล่านี้มันก็รบกวน ทำให้เป็นทุกข์; ก็ต้องทนทำลืมๆ ไป ก็ไม่พ้นจากที่จะหวาด จะผวา มีความกลัว มีความระแวงนานาชนิดที่ทำให้คอยหวาดผวา.

            แล้วมีอีกทางหนึ่ง ก็หวัง หวังอยู่ด้วยอวิชชา ความโง่ ความไม่รู้ : หวังอย่างนั้น หวังอย่างนี้ หวังอย่างโน้น ให้เผาจิตใจอยู่ด้วย ความหวัง อย่างนี้ก็เป็นทุกข์.

            แล้วในโลกปัจจุบันนี้ มี เหตุการณ์ร้ายมาก มักอาจจะถูกลูกหลง หรือควันหลงของใคร เมื่อไรก็ได้. อย่างว่าโลกมันมีสงครามแล้วก็มีวันหลงของสงครามแผ่ไปทั่วโลก เดือดร้อนกันไปทั่วโลกเนื่องมาจากสงคราม. ถ้าใกล้ๆ เข้าไปอีก ก็ว่าถูกลูกหลงที่มันเกิดมาจากสงคราม ที่เราไม่ได้เข้าไปสู่สงคราม แต่ก็มีลูกหลงของสงครามมาถูกต้อง ที่เราไม่ได้เข้าไปสู่สงคราม แต่ก็มีลูกหลงของสงครามมาถูกต้อง อย่างนี้เรียกว่าลูกหลงหรือควันหลงของเหตุการณ์ร้ายกาจแห่งยุคปัจจุบันมันมีอยู่ทั่วไป. มันก็เป็นทุกข์.

            ในที่สุดมาดู เพราะว่าเรา บังคับจิตไม่ได้ บังคับจิตไม่ได้ บังคับว่าอย่าไปรู้สึกอย่างนั้น อย่าไปคิดนึกอย่างนั้น มันบังคับไม่ได้มันก็ไปรู้สึกคิดนึกชนิดที่เป็นทุกข์นั่นเอง เพราะบังคับจิตไม่ได้.

            และทีนี้แม้ว่า อะไรดีหมด มันก็ยังช่วยไม่ได้ เพราะว่าทุกสิ่งมันต้องเป็นไปตามอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา; ทุกสิ่งมันต้องเป็นไปตามกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา, ถ้าไม่มีความรู้อันเพียงพอ มันก็เป็นทุกข์ : เป็นทุกข์ เพราะต้องเป็นไปตามกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา. ก็เป็นทุกข์.

            เดี๋ยวนี้ เพราะว่ามีอวิชชา สรุปความว่าเพราะมีอวิชชา : ไม่รู้สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอย่างถูกต้องตามที่เป็นจริง มันก็รู้ผิด เข้าใจผิด ทำผิด พูดผิด คิดผิด มันก็เป็นทุกข์, เพราะมีอวิชชาเป็นแม่บท.รวมความว่า มันหลับอยู่ในกิเลส หลับจมอยู่ในกองกิเลส หรือจมอยู่ในสังสารวัฏ ไม่อาจจะอยู่เหนืออิทธิพลของสิ่งเหล่านี้ได้เลยมันก้ต้องเป็นทุกข์; มีผลออกมาว่า มันไม่มีนิพพาน ไม่มีความหมายแห่งนิพพาน ไม่มีอาการแห่งนิพพานในความหมายใดๆ เอาเสียเลย. คำว่านิพพาน นิพพาน มีมากมายหลายความหมาย, แต่ละความหมาย หมายถึงความเย็น; มันไม่มีความเย็นเอาเสียเลย มันก็คือความทุกข์; มีเรื่องที่จะต้องพูดละเอียดเฉพาะเรื่อง เฉพาะเรื่อง เป็นเรื่องๆ ไป.

 

ข้อมูลจากหนังสือ  พุทธวิธี ชนะความทุกข์http://www.satapornbooks.co.th/Book/BookDetail.aspx?id=2359

คำสำคัญ (Tags): #จิตสัมผัส
หมายเลขบันทึก: 547878เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2013 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กันยายน 2013 16:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท