การเรียนการสอนด้วยวิธีสตอริไลน์
มีนวัตกรรมการสอนที่น่าสนใจวิธีหนึ่งที่สามารถฝึกให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตจริงใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ไตร่ตรอง รวมทั้งกระบวนการคิดอย่างมีวิจารญาณ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่า ควรทำ ควรไม่ทำ ควรเชื่อ ควรไม่เชื่อ อันจะนำไปสู่การตัดสินใจการแก้ปัญหา ตลอดจนการริเริ่มสร้างสรรค์ โดยการใช้หลักการบรูณาการ วิธีนี้เป็นผลจากการค้นพบของสตีฟ เบลล์ (Steve Bell) นักการศึกษาชาวสกอต เรียกว่า การเรียนการสอนที่เน้นสตอริไลน์ (Storyline approach) และยังเรียกว่า วิธีสตอริไลน์ (Storyline method)
วิธีสตอริไลน์ หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมีการผูกเรื่องแต่ละตอนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรียงลำดับเหตุการณ์หรือเรียกว่ากำหนดเส้นทางการเดินทางเดินเรื่อง (topic line) และใช้คำถามหลัก (key question) เป็นตัวนำสู่การให้นักเรียนทำกิจกรรมอย่างหลากหลายเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง องค์ประกอบสำคัญของวิธิสตอริไลน์มีอยู่ 4 องค์ประกอบ คือ
1. ฉาก โดยระบุสถานที่และเวลาโดยเฉพาะ
2. ตัวละคร อาจเป็นคนหรือเป็นสัตว์
3. วิถีการดำเนินชีวิตเพื่อใช้ในการศึกษา
4. ปัญหาที่ให้ผู้เรียนฝึกแก้ไข
1. ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สามารถจำได้ถาวร
2. ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม
3. ให้ผู้เรียนได้มีส่วนรวมในการทำกิจกรรมตามประสบการณ์ชีวิตของตน เป็นประสบการณ์จริงของตน
4. ให้ผู้เรียนได้สร้างจินตนาการตามเรื่องที่กำหนด ตามวิถีชีวิต วัฒนธรรมของตน
5. ให้ผู้เรียนได้สร้างพัฒนาความคิดในระดับสูง เช่น คิดไตร่ตรอง คิดสร้างสร้างสรรค์ คิดวิจัย คิดริเริ่ม คิดแก้ปัญหา เป็นต้น
6. ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่มีการเบื่อหน่าย
7. ให้ผู้เรียนได้ใช้การทำงานกลุ่มจนเป็นทักษะ โดยอาจเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2-4-6 คนก็ได้ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนามนุษย์สัมพันธ์อีกด้วย
8. ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวสู่สิ่งที่ไกลตัว
9. ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเป็นสุข สนุกสนาน เห็นคุณค่าของงานที่ทำ และงานที่นำไปเสนอต่อเพื่อน ต่อชุมชน ทำให้เกิดความตระหนักเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง
โดยสรุปวิธีสตอริไลน์ เป็นแนวการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการบรูณาการ มีลักษณะเฉพาะคือ การผูกเป็นเรื่องราวหรือมีเส้นทางเดินเรื่อง แบ่งเรื่องราวออกเป็นฉากและเรียงลำดับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เรียนตามสภาพจริงสามารถถ่ายโยงความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ ให้อิสระกับผู้เรียน ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน มีความสุขกับการได้แสดงออก สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สามารถขยายความรู้ได้ด้วยตนเอง มีทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ที่มา : ทิศนา แขมมณี. ทฤษฎีกลุ่มสัมพันธ์ในการสอน เล่มที่ 10. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่มีความเห็น