Jameson จึงได้แบ่งยุคออกเป็นสามช่วง
ดังนี้ ช่วงแรกเป็นเรื่องของความสมจริง (realism) ความสมจริงจึงเป็นเรื่องของชนชั้นกลางและนิยายทางประวัติศาสตร์
ช่วงที่สองเป็นเรื่องความทันสมัย
(modernism) Jameson ชื่นชอบในยุคทันสมัยนี้มาก
เพราะว่าวัฒนธรรมของความทันสมัยแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อโลก
ยกตัวอย่างรูปเขียนของ Edvard Munch ที่มีชื่อว่า
การกรีดร้อง (the scream) สำหรับ Jameson แล้วนี่เป็นเสียงร้องของความสิ้นหวัง
และมันเป็นแก่นเรื่องของศิลปินทันสมัยที่แสดงให้เห็นถึงความแปลกแยก ความไม่มีแก่น
การขาดอัตลักษณ์ ความเหงา และความเป็นส่วนเสี้ยวของสังคม โดยนัยยะเดียวกัน
ภาพวาดชุด รองเท้าของชาวนา (Peasant Shoes)ของ Van
Gogh ก็เป็นความพยายามที่จะวิพากษ์ความยากจนในบริบทของชาวนาและความยากเข็ญ
แก่นเรื่องของความทันสมัยคือการมีวิสัยทัศน์ถึงโลกแห่งหน้าที่ดีกว่านี้ (Utopia) เป็นการเมือง และความใฝ่หา
ช่วงที่สามเป็นเรื่องของยุคโพสต์โมเดิร์น
ยุคนี้เป็นเรื่องของการหลุดออกจากภาษาในชุมชนและความเป็นส่วนเสี้ยวของภาษาในชุมชน
ซึ่งหมายความว่ามีการแย่งออกเป็นกลุ่มเล็กหลายกลุ่มอย่างชัดเจน
แต่ละกลุ่มก็พูดภาษาของตนเอง มีการพัฒนารหัส (คือการเรียนรู้กฎหรือสัญญะในการสื่อความหมาย
หรือโครงสร้างในการสื่อความ) ซึ่งอาจเป็นภาษาถิ่น มีความเป็นส่วนตัว
และในที่สุดก็จะกลายเป็นรู้เรื่องอยู่คนเดียว
เหมือนกับอยู่ในเกาะที่มีตนเองหรือกลุ่มของตนอยู่ในเกาะนั้น และแยกขาดจากผู้อื่น
ตัวอย่างในที่นี้ก็คือ ภาษาแบบเฟซบุ๊ค เช่น บ่องตง จุงเบย ฯลฯ
หรือคำศัพท์ที่เกย์หรือกะเทยใช้กัน
ตามความคิดของ Jameson คนที่มาอยู่ในยุคของโพสต์โมเดิร์นจะเป็นพวกที่แปลกแยก
ดำรงชียอยู่ในความเพ้อฝัน บางครั้งรู้ตัวบางครั้งก็ไม่รู้ตัว
เป็นความจริงที่มีแต่ภาพลักษณ์ (images) มีแต่มหรสพ แปลกแยกในกาลเทศะใหม่ ผูกติดอยู่ในสินค้า
ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ ศิลปะเพื่อมวลชน (pop art) หรือผูกติดกับภาพลักษณ์ที่มีการเคลื่อนไหวไปมาซึ่งถูกขโมยไปจากวัฒนธรรมบริโภค
และผลิตซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าในแบบหรือสำเนาของยุคอุตสาหกรรม คนในยุคนี้อาจหลงอยู่กับภาพปะติดกับภาพลักษณ์ที่เหมือนกับดาราฮอลลิวูด
เช่น มาริลีน มอนโร, ไมเคิล แจ๊คสัน หรือมาดอนน่า ทุกสิ่งที่แต่ความไม่มีราก
หลุดลอย ลองเปรียบเทียบกับ รองเท้าของชาวนา ซึ่งเป็นภาพวาดของ Van Gogh ดู จะเห็นได้ว่าศิลปะแบบทันสมัยนั้นฉายให้เห็นภาพของโลกแห่งความเศร้าโศกจริงๆ
สุดท้ายให้มาดูงานของ Andy Warhol ซึ่งภาพวาดที่มีชื่อว่า Diamond
Dust Shoes ดู งานนี้จะสังเกตว่าไม่มีความลึกใดๆ
และไม่เชื่อมโยงกับภาพจริงๆ
นั่นคือเป็นการพังทะลายของความแตกต่างระหว่างศิลปะชั้นสูงกับศิลปะชั้นต่ำ
มวลชนที่มาเป็นผู้ดูละทิ้งจากการจ้องมองความมีอิสระของภาพ
ก็เหมือนกับการจ้องดูภาพในโทรทัศน์ที่ไม่เหมือนกับการดูภาพจริงๆ
ภาพในโทรทัศน์นั้นเป็นเหมือนกับฉายให้เห็นแค่พื้นผิว เหมือนหนับเกรด บี
เหมือนกับเรื่องเบาสมอง เหมือนกับโฆษณา เหมือนกับโมเตล เหมือนกับวัฒนธรรมหนังสืออ่านเล่น
เช่น Reader Digest เหมือนกับเพิ่งจะประดับประดา
เหมือนของปลอม ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม Jameson ก็ไม่ได้เข้าไปในโลกโพสต์โมเดิร์นอย่างแท้จริง
เพราะว่าทางเข้าถูกปิด แต่ต่อมาเขาจึงเจอทางเข้า
กระนั้นทางเข้านั้นก็เหมือนกับประตูหลัง
เขาได้เข้าสู่เส้นทางไปสู่โลกของโพสต์โมเดิร์นแบบเร็วกว่าแสง (hyperspace) เขาได้เข้าไปสู่ลิฟท์ขึ้นลงอย่างนั้นตลอด
สุดท้ายเขาจึงรู้สึกว่าเวียนหัว
เหมือนกับการถูกผลักให้ไปสู่ความว่างเปล่าและสับสนงุนงง เขาจึงต้องการแผนที่
เพื่อที่มีแนวทางและจะได้ไปสู่โลกโพสต์โมเดิร์นนี้
เดี๋ยวมาต่อกันตอนที่ 3 นะครับ