ประโยชนที่ได้จากการฝีกสมาธิในสุขภาพจิตและการพัฒนาบุคลิกภาพ
การทําสมาธิตามหลักศาสนาพุทธ สามารถนำมาประยุกตใชให้เกิดคุณคาตอชีวิตมาก เพราะทําตนใหเปน ผูประเสริฐขึ้น ดังนั้นผูฝกสมาธิไดถูกตองแมเพียงขั้นต้นของสมาธิ ก็ยอมไดรับอานิสงสหรือประโยชนอยางใดอยางหนึ่ง หรือหลายอยาง ซึ่งพอจําแนกได ๙ ประการ คือ
๑. ทําจิตใหสงบมากขึ้น เชน นักเรียนนั่งอานหนังสือ จําตองใชสมาธิเพื่อใหอานไดเขาใจและจําไดแมน หรืออีก ตัวอยางหนึ่ง ถาขับรถยนตโดยขาดสมาธิอาจเกิดอุบัติเหตุได ถาบุคคลมีสมาธิทําใหปฏิบัติงานในชีวิตประจําวันไดปกติไมผิดพลาด เพราะมีสติสมบูรณขึ้น
๒. ทําสิ่งตาง ๆ ไดมากขึ้นและไดผลดีอยางมีประสิทธิภาพ ตัวอยาง เชนพนักงานที่ไดรับการอบรมจากการฝกสมาธิแลว ยอมรักสถานที่ทํางาน ขยันทํางาน ทําใหสํานักงานมีประสิทธิภาพ มีผลกําไร จากการดําเนินงาน พนักงานไมตองเปลี่ยนงานหรือตกงานอันเนื่องมาจากสํานักงานขาดทุน จนตองปดกิจการในที่สุด
๓. สามารถศึกษาเลาเรียนไดดีหรือผลการเรียนอยูในเกณฑดี มีความจําดีแมนยําและดีขึ้น
๔. ทําใหโรคภัยบางชนิดหายไปไดการฝกนั่งสมาธิบอย ๆ เปนการบําบัดรักษาไดอีกวิธีหนึ่งดวย
๕. ทําใหคนมีอารมณเยือกเย็น มีความสุขุม ผิวพรรณผองใสและมีอายุยืนตัวอยางเชน บางคนเปนคนใจรอน ขาดเหตุผล หลังจากไดรับการฝกสมาธิใหนั่งสมาธิแลวกลายเปนคนมีอารมณเยือกเย็น สุขุม รอบคอบ มีเหตุมีผล คิดพิจารณาไตรตรองกอนจะกระทําสิ่งใด ๆ ความชราภาพยอมปรากฎอยางชา ๆ เปนไปตามธรรมชาติ ทําใหผิวพรรณผองใสหรือมีความเปนผูออนกวาวัย อันเนื่องมาจากความไมกังวลในสิ่งใด ๆ ไมแกกอนวัย กลาวคือผิวหนังเหี่ยวยน เปนฝา ตกกระเหมือนบางคนที่ชอบวิตกกังวลอยูตลอดเวลา เปนตน
๖. สามารถจะเผชิญตอเหตุการณตาง ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหนาไดอยางสุขุมรอบคอบ สามารถแกไขความยุงยากวุนวายในชีวิตไดอยางถูกวิธี ภายหลังจากการไดรับการฝกสมาธิ ยอมเขาใจสภาพตาง ๆ ที่เกิดขึ้นวาเปนสิ่งที่ไมเที่ยงหรือเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา เปนทุกขอันทนไดยากและไมมีตัวตน ทําใหเปนตามความเปนจริงวาสิ่งตาง ๆ ยอมเกิดขึ้นไดตลอดเวลา เมื่อเกิดขึ้นแลว ยอมตั้งอยูและดับไปในที่สุด ทําใหผูนั้น พรอมที่จะเผชิญตอสิ่งตางๆเหลานั้น ทุกโอกาส ทุกสถานที่ ตลอดจนถึงสามารถใหความสุขุมรอบคอบแกไขสถานการณตางๆ ไดอยางถูกวิธี เปนตน
๗. สามารถกําจัดนิวรณ ๕ ธรรมที่เปนอุปสรรค ที่รบกวนจิตลงได หรืออยางนอยก็ทําใหเบาบางลงได บุคคลมีกิเลสนอนเนื่องอยูในสันดาน เปนเหมือนกับตะกอนที่อยูกนตุมน้ำ เมื่อถูกกวนใหขุน ตะกอนเหลานั้นจะลอยตัวขี้นมาเปนน้ำขุน นิวรณ ก็เหมือนกัน สงบนิ่งอยูในจิตใจของมนุษย เมื่อถูกกระตุนยอมเกิดขึ้น ตัวอยางเชน เมื่อกามฉันทะถูกกระตุน ทําใหรักใครชอบใจในรูปสวย เสียงเพราะ รสอรอย กลิ่นหอม สัมผัสที่นุมนวล เปนตน เมื่อบุคคลไดรับการอบรมและฝกสมาธิ แลว ยอมเห็นตามความเปนจริงวา สิ่งตาง ๆ เหลานั้นไมเที่ยงหรือเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เปนทุกขและเปนอนัตตา ไมควรเขาไปยึดมั่นในสิ่งเหลานั้น กลาวคือ ไมควรหลงใหลในรูปสวย เสียงเพราะ รสอรอย กลิ่นหอม สัมผัสที่นุมนวล เปนตน นิวรณ๕ ยอมเบาบางลงได
๘. ถาทําดีไดถึงขั้นฌาน ก็ยอมเสวยความสุขอันเลิศยิ่ง และอาจสามารถแสดงฤทธิ์หรืออภิญญาไดตาง ๆ กลาวคือ ผูฝก สมาธิจนบรรลุรูปฌานตาง ๆ มี ปฐมฌาน ทุติยฌานตติยฌาน จตุตถฌาน หรือ อรูปฌาน มี อากาสานัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน และเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ดังนี้ หรืออาจไดฤทธิ์หรืออภิญญาตาง ๆ เชน ทายใจผูอื่นได มีหูทิพย ตาทิพย เปนตน
๙. ทําใหเปนพื้นฐาน เพื่อกาวขึ้นสู การเจริญวิปสสนากัมมัฏฐาน ตอไป ซึ่งเปนจุดมุงหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ผลดังกลาวมา ขางตน ผูปฏิบัติสามารถพิสูจน หรือสัมผัสไดดวยตัวเองในชาติปจจุบัน ความจริงมนุษย มีปญญา มีความสามารถสูงกวาที่คิด ถาสามารถทําจิตใหเปนสมาธิได เขายอมเห็นความมหัศจรรยแหงจิตของเขาเอง กระแสของจิตมีกําลังแรงเปรียบเหมือนดวงไฟที่รวมแสงแลว ยอมใหแสงสวางไดมากกวาดวงไฟที่พราไปทุกทิศทาง
(ปุย แสงฉาย, มิลินทปญหา
ฉบับพรอมดวยอรรถกถา ฏีกา, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพลูก ส. ธรรมภักดี, ๒๕๓๐), หนา ๕๕. ๑๕๒)
ท่าพุทธสมาธิ เป็นท่าครู ที่สำคัญยิ่ง..พบได้จากภาพบันทึกในแถบอุตตรประเทศอายุนานนับพันกว่าปีมาแล้ว..พระพุทธรูปที่สำคัญ เช่น พระแก้วมรกต หินสลักอายุพันปีในวัดเก่าแก่ต่างๆ..และภาพบรมครูซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์หลายรูป ถือเป็นแบบแผนของการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง ขณะกำหนดลมหายใจเข้าออก(พุทโธ..พองยุบ)โดยกำหนดจุดสัมผัส 3 จุด..ครับ
การนั่งสมาธิที่ผมได้ปฏิบัติแล้ว มีขั้นตอนจากการศึกษาจากพระอาจารย์ที่พอสรุปได้ดังนี้ ครับ..1.ท่าพุทธสมาธิ ถือเป็นท่าบรมครู..2.ประกอบด้วยการหายใจ พอง ยุบ..3.การภาวนา พุท-โธ..4.กำหนดจิตโดยอาศัยจุดสัมผัส 3 จุด..นะครับ..5.อารมณ์รู้สึกอะไร อย่างไร ให้ภาวนาอย่างนั้น 6.ต้องปล่อยวางทุกความคิด ทุกอารมณ์ด้วยความตั้งใจมั่นและเข้าใจในความทุกข์ ความไม่เที่ยงและความไม่มีอัตตา (จึงจะเข้าสู่ความสงบ..เป็นความสงบที่ไม่ตั้งใจ).. จุดสัมผัสของจิตอาศัยลมหายใจเข้าออกไปสัมผัส 1.ลมที่ปลายจมูก 2.ปลายลิ้นที่แตะเพดานปาก 3.จุดภายในท้องตรงบริเวณเดียวกันกับหัวแม่มือแตะกัน..ลำตัวตั้งตรง แขนตรงสบายๆ หน้าก้มเล็กน้อย และยิ้มแบบพรหม..ครับผม..ก้าวหน้าอย่างไร?ขอให้แจ้งให้ทราบด้วยนะครับ..สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ..