เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2556 ทางศูนย์ได้จัดงานไหว้พระ ไหว้ครู และรับน้อง ซึ่งกิจกรรมก็ดูดีตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ก็คือ เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบต่อไป โดยการสอดแทรกคุณธรรมในเรื่องของความกตัญญูกตเวที ประเทศไทยเราถือว่าเป็นประเทศที่โชคดี เพราะขึ้นชื่อว่าเมืองพุทธ อย่างน้อยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังคงก้องโสตประสาทของเรามาตั้งแต่เล็กจนโต ไปจนถึงอนาคต
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้เราปลูกฝังให้กับเด็กและเยาวชนไทยก็คือ ความกลัว โดยการยกคำกล่าวโบราณมาข่มขู่ เช่นเรื่องผีสาง นางไม้ จริงอยู่ว่าในสังคมไทยคงแยกไม่ออก แต่หากเราเป็นชาวพุทธแท้ที่ได้ศึกษากันแล้วในระดับหนึ่ง ย่อมเข้าใจว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งปัญญา แม้นวิทยาศาสตร์ก็ยังยอมรับ ความแตกต่างของศาสนาพุทธกับวิทยาศาสตร์ก็เพียง หลักพุทธเป็นหลักเข้าใจธรรมชาติ อยู่แบบอย่างธรรมชาติ ไม่ปฏิเสธความเปลี่ยนแปลง ส่วนวิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่แสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ เช่น การใช้แร่ถ่านหินมาเผาทำให้เกิดพลังงานผลิตไฟฟ้าเป็นต้น หรืออื่น ๆ ซึ่งที่จริงแล้วไม่ว่าสิ่งใดก็ตามก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์แฝงอยู่ทั้งสิ้น แม้นแต่หลักความจริงอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าเราก็เป็นหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับผลกระทบเป็นทุกข์ จึงต้องสาวหาสาเหตุของทุกข์ และหนทางดับทุกข์ ซึ่งนั้นหมายถึง หลักการของเหตุ และผล ซึ่งต่อเนื่องกันไปตามหลักปฏิจจสมุปบาท
ว่าจะพูดถึงประเพณีการไหว้พระสวดมนต์ ไถลไปถึงเรื่องหลักการเสียได้ คำจำกัดความของการไหว้พระสวดมนต์ที่เป็นจุดมุ่งหมายคือ "เคารพ นอบน้อม กตัญญู สู่สายสัมพันธ์" เป็นอย่างไรพิจารณาได้จากภาพ
พระพุทธจุลนาค (ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยตอนต้น) และพระพุทธมังคโล (พระพุทธรูปทรงเครื่อง) พระพุทธรูปประจำพระวิหาร
เคารพ น้อมนอบต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดนั้นคือองค์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมเรียนรู้ศิลปการหล่อพระสาระเพิ่มเติม
ตัวแทนถวายพวงมาลัยเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย
บูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสทั้งสองรูป และผู้ก่อตั้ง 1) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) อดีตผู้ส่งเสริมการศึกษาทั้งทางธรรมและทางโลกแก่พระภิกษุสามเณร และคฤหัส 2) พระมหาโพธิวงศาจารย์ (สาลี) ผู้ก่อตั้งเปิดป้ายโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดอนงคาราม เมื่อ พ.ศ. 2507
พระอาจารย์เล่าประวัติ และนำพาให้นักเรียนกล่าวคำนมัสการบูรพาจารย์
สวดมนต์รับฟังโอวาท เจริญสมาธิ เป็นปกติที่เคยปฏิบัติ
ส่วนหนึ่งกับคณะพระอาจารย์ผู้สอนพร้อมในพิธีบูชาไหว้ครู
เตรียมพานไว้ตรงหน้าพร้อมสักการะบูชา
นักเรียนผู้นำสวดคำบูชา
พร้อมแล้วเจ้าค่ะ
เดินเป็นแถวขึ้นถวายดอกไม้ธูปเทียนพระอาจารย์
ถวายแล้ว สาธุขอให้กระผม (หนู) มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นคนดีของสังคม
ไหว้ครูผู้ให้ความรู้
การแสดงพระคุณที่สาม
การบรรเลงเพลงบายศรีสู่ขวัญและการแสดงนาฏศิลป์
เริ่มพิธีบายศรีสู่ขวัญ
สานสัมพันธ์น้องพี่ ผูกข้อมือ และนำพาเล่นเกม ตลอดถึงการสอบถามวิสัยทัศน์ คำขวัญของโรงเรียน เป็นการเร่งเร้าการปลูกสำนึกในการศึกษาของสถาบัน
รวมใจเป็นหนึ่ง ได้แก่กิจกรรมหล่อเทียนพรรษาร่วมกัน อานิสงส์เพื่อความกลมเกลียวและเสริมทางปัญญา
ทั้งหลายทั้งมวลที่นำเสนอมาเป็นส่วนของกิจกรรมที่ทาง ศพอ.วัดอนงคาราม ตั้งใจจัดให้เป็นการเสริมความรู้จากประสบการณ์และความหมาย ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ความเป็นวัฒนธรรมที่เรียบง่ายตามประสาคนใกล้วัด ประหยัดไว้ก่อน
ขอขอบใจที่ติดตามชม หากมีข้อเสนอแนะใด ๆ ก็ขอให้ฝากไว้ที่กล่องข้อความได้เลยผู้โพสยินดีที่จะนำไปเสริมสร้างและปรับปรุงการสร้างเสริมให้เกิดขึ้นแก่เยาวชนไทยให้มากขึ้น
วันศุกร์ มุสลิมเข้าสุเหร่า
วันอาทิตย์ คริตส์จักร เข้าโบสถ์
แล้วขอวันอาทิตย์ ชาวพุทธของเราเข้าวัด ฝึกจิตกันบ้างมิได้หรือ
(ต้องขออภัยหากล่วงเกินหรือโพสไม่เป็นที่พอใจ ข้าพเจ้าเพียงหวังให้ผู้ผ่านมาที่เป็นศาสนิกชนชาวพุทธได้ตระหนักรู้เสียสักนิดว่า พระพุทธศาสนาจะคงอยู่ได้เพราะมีผู้สืบทอด ศึกษา และปฏิบัติ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงฝากไว้แล้วแก่ พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งหมายถึงเราท่านที่ดำรงชีพอยู่นี่เอง)
คิดถึงบรรยากาสตอนเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่วัดไชยชุมพลชนะสงครามที่กาญจนบุรีเลยครับ
ขอบใจกับการติชม ยินดีที่ทำให้คุณรู้สึกนึกถึงบรรยากาศที่ทำให้มีความสุขสมัยวัยเยาว์ เจริญพร