หลวงพ่อเดิม กับ การพัฒนาวัดหนองกลับ
โดย: พระนิภากรโสภณ (ไกร ฐาสิสฺสโร)
เมื่อหลวงพ่ออ๋อยในสมัยเป็นพระสมุห์อ๋อยได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมแล้ว ได้นิมนต์หลวงพ่อเดิมมาสร้างศาลาการเปรียญ ณ วัดหนองบัว เมื่อ พ.ศ. 2466 เมื่อ 90 ปี ผ่านมาแล้ว การสร้างศาลาการเปรียญวัดหนองบัวนี้
หลวงพ่อเดิมได้ดำริที่จะสร้างศาลาให้เป็นของมหัศจรรย์ในอนาคต และสร้างให้ใหญ่กว่าที่เคยสร้างมา ด้วยท่านได้มองเห็นการณ์ไกลว่าหนองบัวต่อไปจะมีฐานะเป็นอำเภอ ศาลาจะเล็กไม่พอต่อความต้องการ ซึ่งต่อมาก็เป็นความจริงตามที่หลวงพ่อเดิมได้พูดไว้ การสร้างศาลาการเปรียญสิ่งที่สำคัญที่ต้องแสวงหาคือ เสาศาลา ด้วยบ้านหนองบัว-หนองกลับ มีป่าเขาล้อมรอบโดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออกเป็นป่าดงดิบและป่าแดง ซึ่งไม้มีอยู่ไม่ไกลนัก เสาศาลาที่ใช้นั้นเป็นไม้เต็ง ไม้รัง ขนาดใหญ่ยาว 12 เมตร ขั้นแรกหลวงพ่อเดิมท่านใช้ช้างลาก ปรากฏว่าไม่สามารถจะลากมาได้แม้จะใช้ช้างหลายเชือกก็ตาม ท่านจึงสร้างเกวียนขนาดใหญ่ ใช้เพลาใหญ่เป็นพิเศษตั้งชื่อว่า “พระพิรุณ” ใช้กำลังคนลากโดยใช้เชือกหนังจูงเกวียนต้องใช้คนเป็นจำนวนมากถึง 100 คน จึงลากเสาศาลามารวมไว้ในบริเวณวัดแล้ว รุ่งปี พ.ศ. 2466 จึงทำการก่อสร้างปรุงศาลาแล้วเสร็จภายใน 1 ปี การก่อสร้างศาลาการเปรียญนี้ทำงานกันทั้งพระสงฆ์และประชาชน โดยเฉพาะการเลื่อยไม้ส่วนมากพระภิกษุในสมัยนั้นช่วยกันเลื่อย ส่วนกระเบื้องนั้นหลวงพ่อเดิมได้จัดหาช่างมาทำการปั้นกระเบื้องปูนในบริเวณวัดซึ่งในสมัยก่อนๆ ถ้าใช้วัสดุจากที่อื่นแล้วยากต่อการขนส่ง ด้วยการคมนาคมกันดารมาก วิธีสร้างวัดของหลวงพ่อเดิมท่านมักจะใช้วิธีผิดจากเจ้าอาวาสต่างๆ ในสมัยนั้น ท่านถือหลักการบริหารที่มีผู้สนองงานในการสร้างศาลานี้ ท่านเรียกกำนันแสง ฉ่ำน้อยหรือขุนอาคเนย์คณิสร กำนันตำบลหนองกลับมาเป็นหัวหน้า และทำหน้าที่มัคนายกอีกด้วย ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้านนอกจากนั้นมาร่วมงานทุกท่าน การสร้างของหลวงพ่อเดิมซึ่งสัมฤทธิ์ผลได้ตามต้องการและรวดเร็ว หลวงพ่อเดิมนั้นท่านสร้างอะไรมักจะบอกราคา และมี พ.ศ.ในการสร้างไว้หน้าบันศาลาเขียนไว้ว่า “พระครูนิวาสธรรมขันธ์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2466 สิ้นค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 10,000 เศษ เจริญ เทอญ สำรวย” จากนั้นท่านได้สร้างกุฎีและสระน้ำ ด้วยเห็นความสำคัญในการบริโภค โดยชักนำประชาชนมาขุดดินสร้างสระน้ำครัวละ 1 หลุม ทุกปีไป ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2474 จึงจัดสร้างอุโบสถขึ้นที่วัดหนองบัว วัดหนองบัวสร้างอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. 2363 ในรัชกาลที่ 2 คืออุโบสถเก่าที่มีอยู่แล้วเป็นเสาไม้มะค่ามุงด้วยกระเบื้องโบราณ หลวงพ่อเดิมท่านมีเจตนาจะรักษาของเดิมไว้ คือไม่ย้ายที่ทำการสร้างใหม่ ได้ก่อสร้าง ณ ที่เดิม โดยขยายให้กว้างกว่าเก่าสร้างด้วยคอนกรีตทั้งหลัง ฝาผนังเทปูซีเมนต์ไม่ก่ออิฐ และหลังคาเทคอนกรีตทั้งหลังมีความทนทานมาก ซึ่งการสร้างที่ใช้คอนกรีตทำหลังคานั้นขณะนี้วัดต่างๆ ในจังหวัดนครสวรรค์นิยมทำตามกันเป็นจำนวนมาก
กวางหลวงพ่อเดิม
วัดหนองบัวในสมัยที่หลวงพ่อเดิมบูรณะวัดหนองบัว ท่านมักจะมาจำพรรษาที่วัดหนองบัว บางครั้งติดต่อกันถึง 2-3 พรรษา ถึงปีใดไม่จำพรรษา ในฤดูแล้งท่านจะมาวัดหนองบัวทุกปี ปีละหลายครั้ง ไปๆ มาตามแต่โอกาสและความจำเป็นของงานที่จะทำการก่อสร้าง เพราะหลวงพ่อเดิมท่านสร้างวัดหลายวัดดังที่กล่าวมาแล้วโดยเฉพาะวัดหนองบัวนี้มีผู้ถวายนกยูง ม้าและกวาง ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าหลวงพ่อเดิมชอบเลี้ยงสัตว์มาก สำหรับกวางดังกล่าวนี้ท่านรักมากตั้งชื่อว่า “ไอ้แก้ว” เป็นกวางตัวผู้มีความฉลาดรู้ภาษาคนเล่นกับคนทั่วไปด้วย หลวงพ่อท่านปล่อยให้อยู่ในบริเวณวัดโดยไม่กักขัง กวางแก้วตัวนี้ชอบกินข้าวเหนียวในวันพระหรือวันเทศกาล เด็กๆมักจะเอาข้าวเหนียวมาป้อนกวางเสมอ ด้วยเหตุนี้เวลามีการลงแขกเกี่ยวข้าวบรรดาหนุ่มสาวมักจะพากวางไปด้วย และกวางแก้วก็รู้ว่ามีการลงแขกเกี่ยวข้าวกวางแก้วจะตามไปเสมอ คือ ในฤดูเกี่ยวข้าวถ้ากวางเห็นคนหนุ่มสาวมายืนชุมนุมกัน กวางแก้วจะรู้ทันทีและจะตามไปเพื่อกินข้าวเหนียว เพราะการลงแขกเกี่ยวข้าวเป็นประเพณีของคนหนองบัวต้องเลี้ยงข้าวเหนียวแก่ผู้ที่เป็นแขกมาช่วยงาน อยู่มาวันหนึ่งมีการลงแขกเกี่ยวข้าวที่ตำบลหนองกลับ ทุ่งนาบ้านห้วยถั่ว กวางแก้วตามแขกไปเกี่ยวข้าวเช่นเคย ในสมัยนั้นยังมีป่าอยู่มาก ขณะที่แขกเกี่ยวข้าวพากวางแก้วกลับบ้านตอนเย็นนั้นพอดีมีไฟป่า กวางแก้วเป็นสัตว์ที่กลัวไฟ จึงวิ่งหนีไปหลงทางกลับวัดไม่ได้ หลงเข้าไปในหมู่บ้านห้วยถั่ว คนเห็นจึงใช้ปืนยิงปรากฏว่าไม่ดัง จึงรุมกันทุบกวางแก้วจนตาย ด้วยกวางแก้วเป็นกวางเลี้ยงมีความเชื่องกับคนมาก ทั้งคนเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นกวางของหลวงพ่อเดิม เพราะในเขตบ้านหนองบัว หนองกลับ ใครๆก็รู้จักกวางแก้วกันทั้งนั้น ผู้ที่ทุบกวางไม่ได้คิดถึงบาปบุญคุณโทษว่าเป็นกวางวัดที่หลวงพ่อเดิมรักมาก และประชาชนทั่วไปสมัยนั้นรักและชอบกวางแก้วกันมาก เมื่อกวางถูกฆ่าตายมีคนไปบอกหลวงพ่อเดิมว่า คนห้วยถั่วได้รุมทุบกวางแก้วตายเสียแล้ว หลวงพ่อเดิมถึงกับพูดว่า เออ... ช่างมันเถอะ นั่นแหล่ะมันกินไฟกันแล้ว ปรากฏว่าผู้ที่ฆ่ากวางบ้านถูกไฟไหม้และได้ล้มตายหลายคน ที่เหลือตายก็อพยพไปอยู่ที่อื่นหมด เรื่องนี้ชาวหนองบัวรุ่นเก่าๆรู้เรื่องกันดี จึงเป็นเหตุให้คนหนองบัวเคารพยำเกรงหลวงพ่อเดิมกันมาก โดยเฉพาะวัดหนองบัว ซึ่งมีรูปหล่อหลวงพ่อเดิมเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ เวลามีงานประจำปีไม่ปรากฏเรื่องร้ายแรงในวัดเลย
------------------------------------------------------
เป็นประวัติของชุมชนที่น่าสนใจมากครับ