เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านครูนกได้มีสัญญานัดหมายล่วงหน้ากับนักเรียนม.๕ เพื่อให้เตรียมตัวทดสอบความรู้ที่เรียนผ่านไปเรื่อง "โมล" โดยสอบเป็นกลุ่มๆ ละ ๕ คน ห้องเรามี ๕๕ คน ลงตัวที่ ๑๑ กลุ่ม โดยให้ร่วมทีมกันเอง ในทางทฤษฎีทุกอย่างน่าจะลงตัว
แต่ภาคปฏิบัติมีปรากฏการณ์
- มีนักเรียนที่เพื่อนปล่อยให้นั่งโดดเดี่ยวอยู่ ๒ คน ซึ่งเป็นสองคนที่ครูนกห่วงใยเพราะมักจะเลือกนั่งหลังสุดของห้อง และจะมีแค่กันและกัน
- มีนักเรียนอีก ๑ คนมาสายเลยทำให้เพื่อนตัดออกจากกลุ่มโดยปริยาย
สรุปวันนั้นครูนกบอกเด็กๆ ห้องนี้เลยค่ะว่า ห้องเรานะเห็นแก่ตัวทำไมคนเก่งไม่ช่วยคนไม่เก่ง หรือเก่งน้อยกว่าเรา เพื่อนกันไม่ควรเห็นแก่ตัว และสอนเรื่องการเคารพเวลาหากเข้าเรียนสายไม่กี่ครั้งไม่มีใครถือโทษ แต่หากสายเสมอสายประจำคงต้องเตือนเพราะการมาสายบทลงโทษของตนเองคือ ไม่ทันเหตุการณ์ ไม่ทันเนื้อหาในห้องอยู่แล้ว แต่เราจะปลอ่ยให้เพื่อนเราเป็นเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร
ครูนกคิดถึงภาพยนต์สั้นเรื่อง เด็กชายแฮมเบอร์เกอร์ ที่เป็นเรื่องราวของเด็กๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เด็กชายเคเนดี้ซึ่งเป็นคนเรียนค่อนข้างดีเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ อีกสองคนที่เรียนรู้ค่อนข้างช้าคือธนกฤตกับแทนไทซึ่งเพื่อนมองว่า หากอยู่ด้วยจะทำให้คะแนนกลุ่มต่ำแน่นอน ดังนั้นจะเข้ากลุ่มใครๆ ก็ไม่เป็นที่ต้องการ แต่เขาดูแลเพื่อนมาตลอดเป็นกำลังใจให้เพื่อน เป็นสมองและดวงตาให้เพื่อน สุดท้ายในรายวิชาที่ปรุงอาหารเด็กชายเคเนดี้ได้เพื่อนเพิ่มอีกคนคือ อภิสิทธิ์ซึ่งเป็นนักเรียนที่นั่งWheel Chair ทำให้คุณค่าของคนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
สัปดาห์หน้าก่อนจะสอนจะเอาหนังสั้นเรื่องนี้ให้เด็กๆ ห้องนี้ดูว่า การช่วยเหลือระหว่างเพื่อนกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องที่ทำยากหรือเกินความสามารถ และผลลัพธ์ที่ได้มีคุณค่ามากมายทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ
ประสบการณ์หนึ่งสมัยที่คุณมะเดื่อเรียนมัธยม คุณมะเดื่อ ต้องอยู่ห้อง King
ตลอด ซึ่งในความรู้สึกคุณมะเดื่อไม่ชอบห้องนี้เลย ความรู้สึกจาก
ประสบการณ์ บอกกับตัวเองว่า " คนเก่งมักเห็นแก่ตัว เลือกคบแต่คนเก่ง ๆ
ด้วยกัน " คุณมะเดื่อไม่ใช่คนเก่ง แต่ไม่รู้ทำไมจึงต้องไปเรียนห้องนั้นจนจบ
มัธยม เด็กห้อง King ตอนนั้น 35 คน ก็ต้องมีคนที่สอบได้ที่ 1 และที่ 35 จึง
เป็นธรรมดาที่จะต้องมีช่องว่าระหว่างตัวเลข....จนทุกวันนี้คุณมะเดื่อเป็นครูจึง
พยายามที่จะลบช่องว่างนี้ให้เหลือน้อยที่สุด แต่ดูเหมือนมันเป็นกฏตายตัวไป
แล้วอ่ะนะคุณครูนก...แต่ครูก็ต้องทำให้ดีที่สุดน่ะแหละนะ
ครูอิงก็มีประสบการณ์เรื่องเด็กเก่งเ้หมือนกันค่ะ
เมื่ลูกชายเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัด
เด็กเก่ง เรียนอย่างเดียว และเป็นที่รักของคุณครู
แม้จะไม่ค่อยช่วยทำกิจกรรม (เสียงบ่นจากลูกชายค่ะ)
ขออนุญาตนำหนังสั้น ไปให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียนดูบ้างนะคะ ครูนก
สวัสดีค่ะ คุณมะเดื่อ
|
สวัสดีค่ะ ครูอิงจันทร์ ณ เรือนปั้นหยา
|
ขอบคุณครับครู..ลองดูแล้วกระบวนการนี้เป็นกระบวนกาที่สร้างแรงบันดาลใจจริงๆ เหมือนกระบวนการ PBL และชื่นชมแม่พิมพ์ของชาติแบบครูครับ
"สัปดาห์หน้าก่อนจะสอนจะเอาหนังสั้นเรื่องนี้ให้เด็กๆ ห้องนี้ดูว่า การช่วยเหลือระหว่างเพื่อนกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องที่ทำยากหรือเกินความสามารถ และผลลัพธ์ที่ได้มีคุณค่ามากมายทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ "
เป็นกำลังใจให้ครูครับ....
เป็นหนังสั้นที่ควรค่าแก่การนำมาให้เด็กๆได้ดูค่ะ
ความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อน มิตรภาพอันบริสุทธิ์
เด็ก ๆ จะได้คิดเอง ต่อยอดจากหนัง เยี่ยมมากค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องลูกหมูเต้นระบำ
สวัสดีค่ะ คุณkunrapee
|
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอ ทพญ.ธิรัมภา
|
ชื่นชมที่ครูนกมีความละเอียดอ่อน เห็นและเก็บรายละเอียดว่ามีเด็กที่นั่งไกลเพือน โดดเดี่ยว
...
มีนักเรียนที่เพื่อนปล่อยให้นั่งโดดเดี่ยวอยู่ ๒ คน ซึ่งเป็นสองคนที่ครูนกห่วงใยเพราะมักจะเลือกนั่งหลังสุดของห้อง และจะมีแค่กันและกัน
....
ครูนกคะ สมัยหมอเล็กเรียนมัธยมปลาย มีเพื่อนอยู่สองคนในห้องที่ชอบนั่งหลังสุด ติดกับถังผง คุณครูประจำชั้นชอบแซวว่าเป็นเด็กสลัม
ปัจจุบันหนึ่งในนั้นคือเจ้าพ่อ social net work ของไทยค่ะ
มานั่งคิดทบทวน เพราะเขานั่งหลัง นั่งเก็บและซึมซับรายละเอียดความเป็นไปเป็นมาของเพื่อนทั้งห้องหรือเปล่า จึงเกิด pantip ขึ้นมาน่ะค่ะ
|
ชื่นชมการทำงานของพี่ครูนกครับ