หัวข้อที่คนพูดกันแยะในสหรัฐตอนนี้ก็คือ 3D Printing หรือ การพิมพ์ ๓ มิติ
การพิมพ์ไม่ได้พิมพ์ด้วยสี แต่เป็นการพ่นออกมาจากเครื่องคล้ายๆ ink-jet printer ด้วยอนุภาคของวัสดุ ออกมาทีละชั้นๆ จนกลายเป็นชิ้นงานที่มีมิติความหนา และมีรูปร่างไม่จำกัด ขึ้นกับการออกแบบ ก็คือ computer-aided manufacturing มากกว่า
ส่วนมากจะพิมพ์(พ่น)ด้วยพลาสติก เพื่อสร้างชิ้นส่วนต่างๆ อาจจะเป็น ชิ้นงานต้นแบบของอุปกรณ์ (prototypes) ชิ้นส่วน เครื่องมือต่างๆ เครื่องประดับ ของเล่น แม้แต่ทำเป็น อาวุธปืน (จนตอนนี้รัฐบาลสหรัฐเองต้องหันมาพยายามควบคุม) แต่สามารถพิมพ์ด้วยวัสดุอื่นก็ได้ รวมทั้งโลหะ เซรามิค หินทราย ไนลอน ฯลฯ
ว่ากันว่า ในอัฟกานิสถาน ถ้ากองทัพสหรัฐฯ ต้องการอะไหล่อะไรสำหรับยุทธภัณฑ์ บางทีก็พิมพ์ออกมาเลยที่โน่น ไม่ต้องเสียเวลาสั่งของส่งไปทางเครื่องบิน แค่เสียเวลาดาวน์โหลดแบบพิมพ์ผ่านเน็ตไปเท่านั้น
บริษัทที่ผลิตเครื่องพิมพ์ ๓ มิติ ที่สำคัญได้แก่บริษัท Makerbot
on-demand 3D printing จะสามารถทำให้งานออกแบบออกมาเป็นของจริงได้อย่างรวดเร็ว และตอนนี้ก็มีตลาดขายของที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์ ๓ มิติออกมาจำหน่ายออนไลน์คือ Shapeways marketplace
ผมอยากให้คนรุ่นใหม่พิจารณาเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะสามารถเป็นต้นกำเนิดของธุรกิจใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่ชอบงานออกแบบในประเทศไทยได้ด้วย
...เมืองไทยก็ใช้กันในวงการเครื่องประดับ...ที่มีสั่งซื้อจากนอกก็เป็นชิ้นส่วนกระดูกข้อต่อต่างๆ...คงไม่นานที่จะเห็นอาหารและขนมที่มีรูปร่างแปลกๆตามการออกแบบ...น่าจะเรียกว่าเครื่องปั๊ม...ที่สามารถใส่วัสดุที่ต้องการเข้าไปออกแบบแล้วก็ปั๊มออกมานะคะ...
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่นำมาใช้ในการออกแบบสร้างผลิตภัณฑ์น่ะครับ
เป็นประโยชน์มากครับท่านอาจารย์...สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่...เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก...
ขอบคุณครับอาจารย์ ที่แวะมาเยีี่ยมชมครับ