วันที่ 29 มีนาคม 2556 ทีมขับเคลื่อน ปศพพ. อีสานตอนบน ไปเยี่ยมโรงเรียนชุมชนบ้านห้อยค้อมิตรภาพที่ ๒๐๖ ที่ อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น เพื่อวัตถุประสงค์ 2 อย่าง คือ ไปจัดทำสารคดีการขับเคลื่อน ปศพพ. และไป KM เรื่องวิถีสร้างการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผมออกแบบกิจกรรมแตกต่างไปนิดหน่อย เพราะจำนวนครูที่น้อยกว่าที่โรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไรมาก คือแทนที่จะแยกกลุ่ม แต่ใช้วิถีการถอดบทเรียน โดยผมเป็นผู้ซักถาม และเขียนลงบนกระดาษคลิป ในประเด็นคำถามเดียวกันคือ นักเรียนโรงเรียนห้วยค้อฯ มีทักษะอะไรอยู่ในกลุ่มใดบ้างต่อไปนี้ ทักษะชีวิตและการประกอบอาชีพ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะเทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อ และทักษะวิชาสำหรับอนาคต
สังเกตให้ดีครับ จะเห็นว่า นักเรียนที่นี่ไม่ธรรมดา
ยิ่งทักษะด้าน ICT ยิ่งไม่ธรรมดาครับ
หลังจากสนทนาแลกเปลี่ยนกันพอสมควร เราได้เป้าหมายสำคัญ ที่ครูยังไม่ค่อยพอใจนัก และต้องการพัฒนาต่อคือ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ซึ่งผมนิยามให้ทุกคนทราบว่า ตามตำราฝรั่ง เขาบอกว่าอย่างน้อยต้องมี 3 ทักษะนี้
- ทักษะการคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรม
- ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
- ทักษะการเรียนรู้และทำงานเป็นทีม หรือทักษะความร่วมมือและการสื่อสาร
ผอ.สวัสดิ์ และครูทุกคน เห็นตรงกันว่า 2 ทักษะล่างนั้นไม่มีปัญหาที่นี่ แต่ที่อยากมีให้ดกว่าเดิมคืออันแรกคือ ทักษะการคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรม ..... ผมถอดบทเรียนต่อครับ ว่าเราจะพัฒนาไปสู่เป้าหมายนี้ได้อย่างไร
ข้อสำคัญคือ เด็กคิดเอง 100%
ผมเสนกับ "วง" ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ดังนี้ครับ
- ปัจจุบันครูหันมาเป็น นักออกแบบการเรียนรู้แล้ว เพียงแค่เพิ่ม การออกแบบให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองให้ได้ โดยครูให้ลดการ ตีกรอบ มอบหมาย ทำลายความคิดริเริ่ม และให้เพิ่มโอกาสให้นักเรียนได้ให้มากขึ้น หันมาเน้นกระบวนการอย่างแท้จริง
- ต้องมีกระบวนการเรียนรู้หนึ่ง ที่เด็กนักเรียนได้ คิดเอง ทำเอง แก้ปัญหาเอง และนำเสนอเอง 100% ปัจจุบัน ครูเปิดโอกาสแล้ว แต่ยังไม่ทั้งหมดเช่น
- ครูมีณีรัตน์มอบหมายว่า ให้นักเรียนหาว่ากล้วยนำไปทำอะไรได้บ้าง ดูเหมือนจะเปิดโอกาสให้คิด แต่จำกัดแล้วว่าต้องเป็นประโยชน์ของกล้วย
- ครูสุดา บอกว่า ให้นักเรียนช่วยกันออกแบบวิธีการนำเสนอผลงานของกลุ่มตนเอง ..... ใช่ครับ เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ช่วยกันออกแบบ แต่ยังเป็นเพียงออกแบบเพื่อทำตามโจทย์หรือเป้าหมายของครู
- ฯลฯ
- ความรู้และทักษะเดิมที่นักเรียนมี จะมีผลต่อการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (ในที่นี้คือใหม่สำหรับผู้เรียน) ดังนั้น กระบวนการเรียนการสอนที่โรงเรียนทำอยู่ขณะนี้ ซึ่งช่วยให้นักเรียนมีทักษะการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ยังต้องทำต่อไป แต่ให้เพิ่มการเรียนรู้แบบ โครงงานบนฐานปัญหาที่เด็กเป็นคนกำหนดปัญหา กำหนดเป้าหมาย และได้ทำ นำเสนอด้วยตนเองทั้งหมด
- ความมั่นใจในตนเอง ความภูมิใจในตนเอง ซึ่งสามารถสร้างด้วยการทำให้นักเรียนรู้สึกว่า ฉันทำได้ ฉันคิดได้ และฉันเป็นส่วนสำคัญของทีม ขณะนี้ทางโรงเรียนมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเปิดโอกาสให้เกิด "ฉันคิดได้ และฉันเป็นส่วนหนึ่งของทีม" ให้มากขึ้น
- ที่นี่ การเรียนเป็นทีมสำหรับนักเรียนเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ ครูทำงานเป็นทีมในความหมายของ ชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ หรือ PLC (Professional Learning Community) ที่เปิดโอกาสให้เพื่อนครูได้เรียนรู้ห้องเรียน (lesson study) ยังไม่มีมากนัก
- ผมเสนอว่า ควรสอนแบบ Project Based Learning บนฐานปัญหาที่แท้จริง ที่เด็กกำลังประสบปัญหาอยู่
สุดท้ายผมสรุปว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ "การสะท้อนเพื่อพัฒนาแบบกัลยาณมิตร" นั่นเองครับ
ต่อไปนี้เป็นข้อสังเกต เพื่อการพัฒนาแบบกัลยาณมิตร (KFC) (Kanlayanamit & Friend 's Comments) ดังนี้ครับ
- ทักษะชีวิตและการประกอบอาชีพ ยังไม่ได้กล่าวถึงมากนักเรื่องต่อไปนี้ครับ
- ทักษะการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม ไม่ใช่เฉพาะการยอมรับความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม แต่รวมถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ระหว่างครอบครัว เช่น เด็กที่พ่อแม่เป็นคนรวย เป็นแพทย์ เป็นข้าราชการ ไม่ดูถูก เด็กลูกชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ ที่ส่วนใหญ่ยังยากจน
- ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ และเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน เช่น เด็กนักเรียนได้ เรียนรู้อาชีพของผู้ปกครอง ของชุมชน อย่างเป็นระบบ
- ฯลฯ
- ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม เหลือเป็นเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่า จะทำอย่างไร ให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถเป็นผู้ผลิตนวัตกรรมได้ (ในระดับของเด็กๆ นะครับ)
- ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อ ยังขาดประเด็นหลัก คือ การประเมินสื่อ และการคัดเลือกสื่อที่เหมาะสม แล้วใช้สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเด็นเรื่องวิชาสำหรับอนาคต ที่สำคัญที่สุดได้สำเร็จแล้วที่นี่ คือ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เด็กมีอุปนิสัยพอเพียง การฝึกฝนและลุ่มลึกและกว้างขวาง คือแนวทาง ที่จะเพิมพูนความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันต่อการการเปลี่ยนแปลง ครับ
ผมขอย้ำเรื่อง 5 คำถามหลัก ที่ผมบอกให้ครูทุกคนตระหนักถึงทุกเมื่อ ขณะเราทำ PLC กันนะครับ ได้แก่
- เนื้อหาใดที่จำเป็นต้องเรียน เนื้อหาใดไม่จำเป็นต้องเรียนแต่เด็กเรียนรู้เองได้
- ทักษะใดที่ต้องการให้เกิดกับนักเรียน ในหน่วยการเรียนนั้นๆ
- ทักษะที่ต้องการนั้น เกิดขึ้นหรือไม่ ต้องประเมินอย่างไร
- หากทักษะนั้นเกิดกับนักเรียน (เก่ง) จะทำอย่างไร
- หากทักษะนั้นไม่เกิดกับนักเรียน (อ่อน) จะทำอย่างไร
ขอบคุณครับ
เช่นกันครับ ผมมีความสุขมาก และมีความหวังว่า โรงเรียนต้นแบบในระบบ ที่ไม่ใช่โรงเรียนทางเลือก จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ป.ล. อย่าเชื่อผมนะครับ
อ.ต๋อย