เฏหยุดไปโรงเรียน (ชั่วคราว)


หลังจากเฏไปโรงเรียนได้สามสัปดาห์ แม่ตัดสินใจให้เฏหยุดไปโรงเรียนด้วยความกังวลใจของแม่ที่รู้สึกว่าเฏยังเล็กเกินไปที่จะไปโรงเรียนในสภาวะที่พ่อแม่ดูแลลูกอยู่ที่บ้านหรือที่ peace village ได้ นอกจากนี้ แม่ก็คำนวณผิดไปที่คิดจะให้เฏเข้าอนุบาลหนึ่งในเปิดเทอมเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งที่ยังไม่สามขวบ

วันที่สี่ของสัปดาห์ที่สาม แม่ตัดสินใจไปรับเฏที่โรงเรียนตอนเที่ยง เพราะแม่ทำงานอยู่ที่บ้าน และคิดว่าให้ลูกมาหลับที่บ้านข้างโต๊ะทำงานของแม่น่าจะดีกว่า เมื่อไปถึงโรงเรียน ภาพหน้าตาเกรอะกรังด้วยสาหร่ายที่แม่พกมาให้ทานที่โรงเรียน บวกกับคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิท เห็นลูกภาพนี้แม่ตัดสินใจไป 90% แล้วว่าจะให้เฏหยุดไปโรงเรียนก่อนจนถึงต้นปีหน้า

อันที่จริงแล้ว เฏไม่ได้ร้องไห้ทุกวัน เพียงแค่งอแงก่อนหลับเท่านั้น แถมเฏยังชอบจะไปโรงเรียนด้วยซ้ำ ตื่นเช้าไม่เคยงอแง มีแต่จะถามแม่เสียอีก ว่าวันนี้เราไม่ไปโรงเรียนกันหรือ? แต่แม่คิดว่าหากว่าพ่อแม่พร้อมจะดูแลลูกตามวัยก็น่าจะดีกว่า ตามแผนของเรานั้น จะเริ่มที่จะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที peace village มากขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ตัดสินใจให้เฏไปโรงเรียนเพราะก่อนหน้านี้เราใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกันสองคนเสียมาก

แม่เริ่มตระเตรียมการเรื่องการย้ายไปอยู่ที่ peace village หลังเฏเริ่มไปโรงเรียน ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วที่นี่ก็เป็นเสมือนสถานที่เรียนรู้ทุกเรื่อง มากมายหลายเท่ากว่าที่โรงเรียนนัก แม่จึงตัดสินใจเกือบขาดตั้งแต่วันพฤหัสของสัปดาห์ที่สามของการไปโรงเรียน รอเพียงปรึกษาพ่อ หลังพ่อกลับมาจากสโลวาเกียเท่านั้น (ซึ่งอย่างไรพ่อก็เห็นด้วยกับแม่อยู่แล้ว)

ที่ Peace village เรามีฟาร์มปลอดสารพิษ ที่ลูกจะได้เล่นดิน รดน้ำต้นไม้ รู้จักพืชพรรณ เล่นสนุกทำฟาร์มกับพี่ ๆ นานาชาติ เรามีโครงการบ้านดิน ที่ลูกจะได้ย่ำโคลน ได้ตักดิน ได้นั่งรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างไปกับพี่ ๆ ผู้ชาย ไปเรียนรู้วิถีลูกผู้ชายสมบุกสมบัน เรามีสะพานไม้ไผ่ให้ฝึกเดินข้าม มีเสียงจักจั่น จิ้งหรีดเช้าเย็น มีหมาสามตัวเป็นองครักษ์ เรามีออฟฟิศให้เรียนเล่น และสื่อเรียนรู้นานาชาติ มีผู้คนมาจากทั่วโลก มีครัว ที่ลูกไปป่วนพี่ cooking team เมื่อไหร่ก็ได้ มีโรงอาหารที่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกเชื้อชาติ มีกิจกรรมมากมายตามตารางแน่นเอี๊ยด และมีพ่อแม่ ที่นี่จึงน่าจะเป็นโรงเรียนเตรียมอนุบาลที่น่าจะดีที่สุดในโลกแล้ว ก่อนจะเข้าโรงเรียนตามแบบสังคมทั่วไป (จริง ๆ แล้วหลายโรงเรียนก็ยังต้องมาเข้าค่ายเรียนรู้ที่เรา)

ตามความคิดของแม่ ในวัยสองขวบครึ่งสภาพแวดล้อมที่เรามีนี้น่าจะเพียงพอสำหรับเฏแล้ว หลังจากหยุดไปโรงเรียน เฏยังคิดถึงโรงเรียนอยู่บ้าง แต่เมื่อแม่อธิบายด้วยเหตุผล เฏก็เข้าใจ และเตรียมพร้อมจะไปปีหน้ามากกว่า แม่โชคดีที่เฏนั้นเป็นเด็กฟังเหตุผล และโชคดีที่แม่เลือกที่จะคุยกับลูกแบบเหตุผลตั้งแต่ยังสื่อสารกันไม่ได้ เราไม่เลือกที่จะบ่ายเบี่ยง โกหกไปให้พ้น ๆ ในการตอบคำถามลูก แต่ทุกอย่างที่เราตัดสินใจทำนั้นเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่แม่อธิบายลูกเกือบทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่เราเลิกกินนมแม่กันแล้ว จำได้มั้ย

http://www.youtube.com/user/jarinyakrittikan?feature=mhee


นั่งเล่นเปลกับพี่ Koichi อาสาสมัครจากญี่ปุ่น และพี่แป้ง อาสาสมัครไทย


มาถ่ายภาพหมู่กับพี่ ๆนานาชาติ


ไปเที่ยวตลาดเก๋ตรกับพี่อาสาสมัคร เจอพี่มะปราง


สวนสัตว์กับยายและน้า ๆ 


ไปรดน้ำผักกับพ่อ


หมายเลขบันทึก: 530818เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2013 01:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม 2013 01:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดูจากสภาพแวดล้อมที่น้องเกตเล่าแล้ว นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ การได้อยู่ใกล้พ่อแม่ได้รู้ได้เห็นว่าเราทำอะไรเป็นแบบอย่างที่ดีกว่าการไปเข้าโรงเรียน สำหรับเด็กอายุยังไม่ถึงสามขวบแน่ๆค่ะ

ขอบคุณมากเลยค่ะพี่โอ๋ ทุกความเห็นและบันทึกของพี่โอ๋เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เป็นหนึ่งในแนวทางการดูแลลูกของเกตเลยค่ะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท