นางสีดาได้ฟังก็นึกสะท้อนใจ
จึงรีบกลับมาพาโอรสไปด้วยในขณะที่ฤาษีกำลังเข้าฌานอยู่ จนเมื่อฤาษีลืมตาตื่นขึ้นมาไม่เห็นกุมารก็ตกใจเกรงว่านางสีดาจะมาต่อว่าตน
จึงได้เตรียมเนรมิตกุมารขึ้นอีกคนหนึ่งให้มีลักษณะเหมือนพระมงกุฎทุกประการ
แต่นางสีดากลับมาทันเสียก่อนจึงรู้ความจริง
แต่นางสีดาก็ได้ขอให้ฤาษีทำพิธีต่อเพื่อเนรมิตกุมารอีกคนหนึ่งขึ้นมาเป็นเพื่อนเล่นกับพระมงกุฎ
แล้วตั้งชื่อกุมารที่ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ว่า พระลบ
ต่อมาเมื่อพระรามได้พบกับพระมงกุฎ และรู้ว่าเป็นพ่อลูกกันแล้ว
พระรามจึงได้พาสองกุมารกลับกรุงอโยธยา
ส่วนนางสีดายังมีความแค้นเคืองพระรามอยู่จึงยังไม่ยอมกลับ
แม้พระรามจะสำนึกในความผิดของตนยอมงอนง้อเท่าใดนางสีดาก็ไม่ใจอ่อน
พระรามจึงต้องทำอุบายเป็นตาย แล้วให้หนุมานมาเชิญนางสีดาไปร่วมทำศพ
นางสีดาเสียใจมากจนยอมตามหนุมานกลับไป
แต่เมื่อรู้ว่าตนถูกหลอกก็โกรธพระรามจนถึงกลับหนีไปอยู่ยังเมืองบาดาล
ร้อนถึง พระอิศวร ต้องทรงเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้ และจัดพิธีอภิเษกให้ใหม่อย่างสมเกียรติ
ทั้งสองจึงยอมคืนดีกัน
กายสีนวลจันทร์ ทรงมงกุฎกษัตริย์
นางสีดานี้คือ พระลักษมี ชายาของ พระนารายณ์
ถูกส่งลงมาเกิดเป็นคู่ของ พระราม หรือพระนารายณ์อวตารนั่นเอง
นางสีดาเป็นตัวละครสำคัญมากของเรื่องรามเกียรติ์ เพราะนางเป็นต้นเหตุที่ทำให้พระรามกับทศกัณฐ์ต้องทำสงครามล้างผลาญกัน
ระหว่างที่ ฤาษีกไลโกฏ ประกอบพิธีหุงข้าวทิพย์ เพื่อขอบุตรให้กับ
ท้าวทศรถ นั้น นางมณโฑ มเหสีของ ทศกัณฐ์ ได้กลิ่นหอมของข้าว
ก็เกิดอยากกินมากจนทศกัณฐ์ต้องสั่งให้ กากนาสูร
แปลงกายเป็นกาไปขโมยข้าวทิพย์นั้นมาได้ครึ่งก้อน
นางมณโฑกินข้าวทิพย์นั้นแล้วก็ตั้งครรภ์ขึ้น และเกิดเป็นนางสีดา
ไม่มีความเห็น