ความจริงเกี่ยวกับเรื่องการสั่งห้ามนำเข้าจากฝั่งยุโรปอเมริกานั้นไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะจะได้ยินได้ฟังอยู่เป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคแบคทีเรียในผัก, สารพิษในคะน้า, ถั่วฝักยาว ฯลฯ แต่ผู้ผลิตโดยเฉพาะผู้ส่งออกกลับไม่ใส่ใจและปล่อยปะละเลย จึงทำให้มีข่าวในทำนองนี้เกิดขึ้นซ้ำๆอยู่ตลอดเป็นประจำ ทั้งๆที่รูปแบบและวิธีการผลิตในปัจจุบันถือว่ามีวิวัฒนาการและเทคโนโลยี (innovation & Technology) ที่ก้าวหน้ากว่าในอดีตในห้วงช่วงสิบหรือยี่สิบกว่าปีมานี้ค่อนข้างมากในแง่ทางเลือกการใช้วัตถุดิหรือปัจจัยการผลิต อีกทั้งข้อมูลข่าวสาร (data information) ก็ถือว่าเป็นยุคที่ล้นบ้านล้นเมืองหาข้อมูลฟรีๆและดีๆได้ไม่ยาก
แต่ทำไมผู้ส่งออกจึงยังคงสร้างข้อตกลงกับเกษตรกร
(contract Farmming)ให้ผลิตพืชพรรณธัญญาหารเลี้ยงชาวโลกแบบปลอดภัยไร้สารพิษไม่ได้
หรือภาครัฐหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะรัฐบาลจะต้องหันกลับมาดูว่าพี่น้องเกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจ
(knowledge Base) หรือปัจจัยด้านใดจึงทำให้การพัฒนาด้านการเกษตรปลอดสารพิษเกษตรอินทรีย์ของไทยเรายังไม่ก้าวหน้าล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว, กัมพูชาอยู่
ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ให้ความสำคัญและตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก
(แม้กระทั่งระบบ 3G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและทันสมัยที่สำคัญประเทศเรายังต้องก้าวตามลาวและกัมพูชา
นี่ถ้าเขาร่ำรวยและพร้อมมากกว่าเราย่ิงกว่านี้
เขาคงจะพุ่งแรงแซงเราไปไกลไหนต่อไหนแล้ว)
ต้นหอม
ที่ทางประเทศสเปนพบนั้นมีสารพิษในกลุ่ม prochloraz 0.23. มิลลิกรัม/กิโลกรัม จากที่กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 0.05 มิลลิกรัม/กิโลกรัมและ สาร cabendazim 1.82 มิลลิกรัม/กิโลกรัม จากที่เขากำหนดไว้คือไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
สารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารที่ใช้ป้องกันกำจัดเชื้อราและศัตรูพืช
ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีสารชีวภัณฑ์นานาชนิด
นานายี่ห้อให้ชาวบ้านเลือกใช้ทดแทนและสามารถปลูกและผลิตได้ในรูปแบบปลอดสารพิษได้ไม่ยาก
ทั้งจุลินทรีย์ ไตรโคเดอร์ม่า(Tricoderma sp), เชื้อบีทีปราบหนอน
(Bacillus Thuringiensis), บูวาเรีย
(Beuavaria), เมธาไรเซียม(Metarhizium)
ฯลฯ.
ซึ่งจุลินทรีย์ป้องกันและกำโรคและศัตรูพืชเหล่านี้สามารถซื้อหาได้ไม่ยากอีกทั้งเมื่อเทียบกับสารเคมีที่เป็นพิษทั้งหลายกลับถูกและปลอดภัยกว่ามาก
มนตรี บุญจรัสชมรมเกษตรปลอดสารพิษ. www.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น