Silver Linings Playbook


โรคร้ายหายได้ด้วยความรัก


กำกับ : David O. Russell

เขียนบท : David O. Russell (screenplay), Matthew Quick (novel)

นำแสดง : Bradley Cooper, Jennifer Lawrence, Robert De Niro, Jacki Weaver

ความยาว : 122 นาที

ระดับความชอบ : 9.75/10

เคยได้ยินเวลาถามคนบ้าว่า "คุณบ้าหรือเปล่า?" แล้วได้รับคำตอบว่า "ไม่บ้า" ไหมครับ?

นั่นคือคนที่ป่วยมักจะไม่รู้ตัวเองว่าเป็นโรคทางจิต จนเจอจุดเปลี่ยนแรงๆ ถึงจะคิดขึ้นได้และกลับเป็นปกติ

พระเอกเป็นโรคไบโพลาร์ เป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ผมนึกเอาเองว่าสมัยก่อนคงเรียกง่ายๆ ว่าคนบ้านั่นแหละครับ 

เพียงแต่ไม่บ้าตลอดเวลา จะบ้าตอนที่เจอเหตุการณ์ สิ่งของ หรือสภาวะที่เรียกความทรงจำแห่งความเจ็บปวดนั้นมา

พระเอกเป็นโรคนี้เพราะกลับมาบ้านแล้วเจอภรรยาอาบน้ำกับชายชู้ในอ่างอาบน้ำ ในเวลานั้นเปิดเพลงแต่งงานอยู่

คุณคิดว่าชายใดจะทนได้?

หนุ่มฟิลาเดลเฟียคนนี้ก็เช่นกัน อัดชายคนนั้นเสียไม่ยั้ง สุดท้ายโดนจับ แถมเป็นโรคไบโพลาร์แถมมาอีก 

เมื่อไหร่ได้ยินเพลงแต่งงานเพลงนี้ ได้เรื่อง สัญญาในหัวมาทันที บ้าฉับพลัน

พระเอกโดนบำบัดในโรงพยาบาลอยู่แปดเดือนตามคำสั่งศาล หลังจากนั้นคุณแม่ไปประกันตัวออกมา

คุณพ่อพระเอกชอบเล่นพนันบอล (อเมริกันฟุตบอล) กับเพื่อน พ่ออยากให้ลูกชายนั่งเชียร์ที่บ้านเพราะเชื่อว่าเป็นตัวนำโชคให้ทีมฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ล ชนะ

แต่ลึกๆ อยากสร้างความสัมพันธ์กับลูกชาย หนังเอาประเด็นนี้มาแบบทีเล่นทีจริงจนไม่แน่ใจว่าคุณพ่อคิดยังไงกันแน่ แต่ผมก็ชอบที่ทำออกมาแบบนี้นะ ได้คิดต่อ

นางเอกเพิ่งสูญเสียคนรักมา แล้วเธอก็มีความเหงาจนกลายเป็นหญิงเริงเมือง

แต่เธอก็มาเจอพระเอกที่บ้าพอกัน ฉากสนทนาของคนคู่นี้ตลกมากๆ หัวเราะได้ตลอดเลย สุดยอดครับ

แล้วทั้งคู่ก็เป็นแสงทองของชีวิต (Silver Linings) ให้กันและกัน ประเด็นนี้สุดยอดครับ

นางเอกต้องแสดงให้พระเอกเห็นว่าที่แท้คุณน่ะบ้า ทั้งหมดนี้ต้องแสดงด้วยความรักล้วนๆ ครับ

หากไม่เจอกันและกัน ทั้งสองคงยากที่จะหายจากโรคที่เป็นอยู่

ไม่ง่ายนะครับที่จะรักษาให้หายจากโรคนี้ คนเป็นพ่อแม่ต้องเต็มที่ และถ้าโชคดีได้จุดเปลี่ยนที่สะท้อนแรงๆ อย่างตรงจุดก็หาย เพราะไม่ได้บ้า 100% ยังเหลือที่ดีอีกตั้งครึ่ง

ถ้าหนังเรื่องนี้ทำผมร้องไห้ จะให้คะแนน 10 ไปเลยครับ แต่ก็เกือบร้องไห้ในหลายฉาก หนังเดินเร็วจนร้องไห้ไม่ทัน (ฮา) 

บทสนทนาเป็นส่วนที่แข็งแรงมาก หัวเราะในหลายฉากโดยเฉพาะตอนที่พูดว่า White Lie

ส่วนอื่นในเรื่องเป็นรายละเอียดที่เสริมไม่ว่าจะเป็นอเมริกันฟุตบอล การวิ่ง การแข่งขันเต้นรำ เพลงประกอบ ล้วนมาได้ถูกที่ถูกเวลา มีจังหวะจะโคน ลงตัวมากครับ 

ไม่มีส่วนใดทำให้รู้สึกแปลกแยกและคิดในทำนองที่ว่าน่าจะทำแบบอื่นดีกว่าไหม?

เป็นหนังออสการ์ประจำใจผมในปีนี้เลยครับ

ความรักเท่านั้นที่จะรักษาโรคได้ ไม่ว่าโรคนั้นจะหนักหนาสาหัสอย่างไร

ความรักทำให้เราไม่ทำร้ายใคร ทำให้ไม่มีสงคราม

ความรักยิ่งใหญ่แบบไม่หวังผลตอบแทน Unconditional Love รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง นำไปสู่นิพพานได้

สรรพคุณของความรักมีขนาดนี้

วันนี้คุณมอบความรักให้ใครหรือยังครับ?

มีความสุขทุกคนครับ 


คำสำคัญ (Tags): #ภาพยนตร์
หมายเลขบันทึก: 520175เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2013 22:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2013 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท