เลาะริมชล ยลของเก่า(๖)


     

      หลังจากเราชมอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ไปไหว้พระที่วัดอนงคารามและวัดพิชัยญาติ ซึ่งไม่ไกลกันเท่าไหร่ แล้วเราก็เดินย้อนกลับมาริมน้ำอีกครั้งตามที่เราตั้งใจไว้ว่าจะเดินเลาะเลียบริมฝั่งเจ้าพระยาไปจนถึงท่าเรือคลองสาน ซึ่งยังมีสถานที่เก่าควรแก่การเยี่ยมชมหลายแห่ง เช่น มัสยิดเซฟี ศาลเจ้าซำไนเก็ง วัดทองธรรมชาติ สมาคมเต็กก่า บ้านหวั่งหลี วัดทองนพคุณ ป้อมป้องปัจจามิตร ทุกแห่งน่าจะมีอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้น.....


 บริเวณย่านหลังวัดอนงคาราม จนมาถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นท่าเรือและคลังสินค้าที่สำคัญในอดีต ยังคงอาคารเก่าๆให้เราเห็นร่องรอย...


...ทางเดินช่วงนี้สวยงามครับ...


...เส้นสีขาวบนทางเดิน หมายถึงเส้นทางของจักรยานท่องเที่ยวครับ..


แวะสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ที่จอดจักรยาน..


....จากศาลเจ้าแม่ทับทิม ไม่ไกลนักก็จะถึงมัสยิดเซฟี หรือ สุเหร่าตึกขาว..


...เป็นของมุสลิมนิกายชีอะห์ ความเป็นมานั้นคือชาวอินเดียเชื้อสายดาวูดี โบราห์จากเมืองสุหรัตประเทศอินเดียที่เข้ามาติดต่อซื้อขายสินค้าตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์  มัสยิดนี้จะอยู่ใกล้กับคลังสินค้าตึกสีขาว...



...ชาวมุสลิมของสุเหร่าตึกขาวนี้ยังคงแต่งกายเหมือนกับในอดีต..


...ทางเข้าค่อนข้างจะหายากหากไม่ถามคนแถวนั้น คงจะหาไม่เจอครับ..

ทางเดินริมน้ำจากตึกขาวไปจนถึงท่าดินแดง น่าจะเป็นที่ของเอกชน น่าจะยังไม่เป็นทางสาธารณะแต่ว่าสามารถเดินผ่านไปออกที่ท่าดินแดงได้


จากท่าเรือข้ามฟากท่าดินแดงเดินตามถนนขึ้นไปก็จะเจอศ่าลเจ้าซำไนเก็งเป็นศาลเจ้าของชาวจีนแคระ สร้างสมัยปลายรัชกาลที่ ๓ ภายในประดิษฐานสามเทพธิดา



...เราเข้าไปสักการะเทพธิดาทั้งสาม พร้อมทั้งเติมน้ำมันตะเกียงเพื่อความสว่างไสวของชีวิตในช่วงขึ้นปีใหม่...


..ไม่ห่างจากศาลเจ้าซำไนเก็ง  ซอยท่าดินแดง ๑๖ คือทางลัดที่สามารถเดินไปวัดทองธรรมชาติ ได้.....


...วัดทองธรรมชาติเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเดิมเป็นวัดราษฏร์ชื่อวัดทองบน พระขนิษฐานของรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ทรงบูรณะใหม่ทั้งหมดแต่รูปทรงยังคงเดิมซึ่งจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักพระอุโบสถที่มีชายคาด้านหน้าและด้านหลัง และทรงรับเป็นพระอารามหลวง...

..เราเข้าไปสักการะหลวงพ่อสิบทัศน์ ในพระวิหาร เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปสักการะพระประธานในพระอุโบสถ....


...เราลัดเลาะตามเส้นทางจักรยาน..จากวัดทองธรรมชาติ ไปยัง จีจินเกาะ


สมาคมเผยแผ่ "เต็กก่า" จีจินเกาะ มองจากแม่น้ำเจ้าพระยา..



จีจินเกาะ เป็นวัดจีนที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิบัติธรรม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕  มีพระมหาเจดีย์พระจอมธาตรีไทยจีนเฉลิมพระเกียรติ สูง ๘ ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานเทพเจ้าต่าง ๆ ...

ภายในบริเวณจีจินเกาะมีอาคารเก่าที่อนุรักษ์ไว้สวยงามมาก



ติดกับจีจินเกาะ เป็นอาคารอนุรักษ์ "บ้านหวั่งหลี"..เราไม่ได้เข้าไปชม ทราบว่าต้องติดต่อขอเข้าชมล่วงหน้า...


บ้านหวั่งหลี ถ่ายจากชั้น ๘ ของพระมหาเจดีย์ภายใน จีจินเกาะ..

..วัดทองนพคุณ อยู่ใกล้ๆ กับจีจินเกาะ..


...เดิมชื่อวัดทองล่าง คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี(ทองจีน) บูรณะซ่อมแซมแล้วถวายให้รัชกาลที่ ๓ วัดนี้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร..


..ต้นโพธิ์บนเรือสำเภาจีน ที่วัดทองนพคุณ..

จุดหมายสุดท้ายคือ ป้อมป้องปัจจามิตร และหอสัญญาณ ซึ่งอยู่ใกล้กับปากคลองสาน 


 ป้อมป้องปัจจามิตร รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้สร้างเพื่อป้องกันข้าศึกตามริมน้ำเจ้าพระยา  ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ได้ใช้ป้อมเป็นสถานที่ตั้งเสาธงสัญญาณ



....เสาธงสัญญาณถ่ายจากป้อมปัองปัจจามิตร....

เราแวะที่ตลาดตรงท่าเรือข้ามฟากปากคลองสาน  ไหว้พระสมเด็จโต..ก่อนข้ามฟากไปฝั่งกรุงเทพ...



...บนเรือข้ามฟากจากคลองสานไปท่าสี่พระยา ฝั่งกรุงเทพ..


... ริเวอร์ ซิตี้ กรุงเทพ..



ขอบคุณทุกท่านครับ....







หมายเลขบันทึก: 519316เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2013 02:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2013 13:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ชมมัสยิดเซฟี


ทางเข้าค่อนข้างแคบ...



ถ่ายภาพสวยมากๆๆ

ภาพหลวงพ่อโตเหมือนภาพท่านมีชีวิตจริงเลยครับ

..คลองสาน..ท่าเรือข้ามฟากคลองสาน ฝั่งธนบุรี....ข้ามไปที่ท่าสี่พระยา ฝั่งกรุงเทพ..


เสาสัญญาณที่ป้อมป้องปัจจามิตร อยู่ในระหว่างการซ่อมทำ...


ขอบคุณครับอาจารย์ขจิต   ...แวะมาทักทายให้กำลังใจกันครับ....

.ทางเรือน่าจะช่วยให้เดินทางสะดวกไม่มีรถติด..ช่วงนี้ในกรุงเทพชั้นในมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน...จากนั้นก็เดินไปตามทางรถจักรยานครับ...เหนื่อยก็หยุดพัก..ไม่ต้องรีบร้อนไปใหน..กรุงเทพเมืองหลวงของเรา...



เห็นเรือยนต์รูปร่างอย่างนี้ นึกถึงเรือโดยสารที่วิ่งในคลองที่บ้านเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว วิ่งไม่เร็วเพราะใช้เครื่องยนต์เผาหัว...แต่ที่เห็นวิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยานี่คงจะเป็นเครื่องดีเซลวิ่งเร็วมาก..


สวัสดีค่ะ   หนุ่มกร  

มาชมภาพการเดินทางท่องเที่ยวสวยๆ ค่ะ

ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง    ที่ให้กำลังใจครับ...

...ช่วงเดินทางโดยเรือด่วน ...ส่วนใหญ่ใช้เรือด่วนธงสีส้ม ครับ  ๑๕ บาทตลอดสาย แวะจอดทุกท่า...ลำนี้แหละครับ


..สำหรับลำนี้ น่าจะเรียกว่า ด่วนพิเศษ ...สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนิยม เรือด่วนธงสีฟ้า  แบบนี้ค่าโดยสารคิดเป็นระยะทาง  จอดเฉพาะท่าที่กำหนดส่วนใหญ่เป็นจุดที่มีสถานทีี่ท่องเที่ยว.. เช่น ท่าช้าง  ท่าเตียน ฯลฯ


สำหรับลำนี้ "เรือหางยาว"...นักท่องเที่ยวก็นิยมเหมือนกัน รวดเร็วและเป็นส่วนตัวดี...เปรียบเทียบน่าจะเหมือนรถรถตุ๊กตุ๊กในลำน้ำคงได้...นะครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท