อาจารย์ จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
เมื่อกิจการต้องดำเนินโครงการ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเกิดโครงการที่มีปัญหาขึ้น ซึ่งผู้บริหารอาจจะตัดสินใจใช้ทางเลือกได้ 2 ทาง คือ
(1) ยกเลิกหรือระงับการดำเนินโครงการ
(2) ปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้เกิดการพลิกฟื้นโครงการจากที่เป็นโครงการที่มีปัญหาสู่โครงการที่มีคุณค่าแก่องค์กรอีกครั้งหนึ่ง
สาเหตุหลักของการเกิดโครงที่มีปัญหา
ก่อนที่จะเกิดการแก้ไขโครงการที่มีปัญหา ผู้บริหารโครงการและผู้บริหารระดับสูงในกิจการจะต้องระบุให้ชัดเจนก่อนว่า สาเหตุหลักที่มีผลให้โครงการที่ดำเนินการอยู่กลายเป็นโครงการที่มีปัญหา
มีการศึกษาพบว่าสาเหตุหลักของการเกิดโครงการที่มีปัญหา 5 สาเหตุ ได้แก่
(1) ความต้องการหรือความจำเป็นที่นำสู่การจัดทำโครงการอาจจะไม่ชัดเจน ขาดการหารือร่วมกันจนเกิดการยอมรับร่วมกันทุกฝ่าย หรือขาดการจัดลำดับความสำคัญของโครงการอย่างเหมาะสม เกิดการเปลี่ยนแปลงตามต้องการหรือความจำเป็น หรือได้ประเด็นความต้องการหรือความจำเป็นได้มาอย่างคลุมเครือ ไม่แน่ชัด จนเกิดการตีความ แปลความผิดพลาด
(2) ทรัพยากรอาจจะขาดแคลน มีความขัดแย้งในการจัดสรรทรัพยากร หรือมีการเข้า-ออก ของบุคลากรที่เป็นทรัพยากรหลัก หรือการวางแผนบริหารทรัพยากรไม่เหมาะสม
(3) ตารางเวลาในการดำเนินโครงการอาจจะเร่งรัดเกินไป การกำหนดตารางเวลาไม่สามารถดำเนินการได้จริงใน ภาคปฎิบัติหรือเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป แต่เมื่อดำเนินงานโครงการจริงพบว่าไม่สามารถดำเนินการได้
(4) การวางแผนโครงการมาจาก การใช้ข้อมูล ไม่เพียงพอ มีรายการบางรายการขาดหายไปจากกระบวนการวางแผนโครงการ มีรายละเอียดไม่เพียงพอ หรือการตั้งสมมติฐานโครงการไม่เหมาะสม
(5) ความเสี่ยงไม่ได้มีการค้นหาและระบุอย่างชัดเจน และครอบคลุม จึงไม่ได้วางแผนและเตรียมการบริหารความเสี่ยงของโครงการ
นอกเหนือจากสาเหตุหลัก 5 สาเหตุตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ในกิจการขนาดเล็กมักจะพบว่าการกำกับโครงการไม่มีคู่มือหรือแนวพึงปฎิบัติที่ชัดเจน หรือไม่เพียงพอหรือมีหลากหลายมาตรฐาน และขาดการกำหนดผู้รับผิดชอบอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นเหตุให้ระดับปัญหาของโครงการอาจจะรุนแรงกว่ากิจการขนาดใหญ่ จึงอาจจะเป็นไปได้ว่าการมีมาตรฐานหรือแนวพึงปฏิบัติในการบริหารโครงการ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโครงการที่มีปัญหาตามสาเหตุต่างๆ
แนวทางการพลิกฟื้นโครงการที่มีปัญหา
แนวทางการพลิกฟื้นสถานะของโครงการที่มีปัญหาให้กลับเป็นสถานะปกติ มักจะเป็นกิจกรรมของการแทรกแซงจากผู้บริหารระดับสูงกว่าผู้รับผิดชอบโครงการ โดยในภาคปฏิบัติจริงผู้บริหารโครงการควรจะเป็นผู้ดำเนินการในกระบวนการพลิกฟื้นสถานะโครงการที่มีปัญหา แต่ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติทั่วไป ผู้บริหารโครงการมักจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลใหม่ หรืออาจจะกลับสู่ปกติ และเพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริหารโครงการจะเป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหาร หรือมีประสบการณ์ในการดำเนินกระบวนการพลิกฟื้นโครงการ
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม การพลิกฟื้นสถานะโครงการที่มีปัญหาจะประสบความสำเร็จ ได้ก็ต่อเมื่อกิจการตัดสินใจและมุ่งเน้นความพยามและเวลาไป ในประเด็นที่เจาะจงสาเหตุที่ทำให้โครงการมีปัญหาตั้งแต่แรก
กิจกรรมในกระบวนการพลิกฟื้นโครงการที่มีปัญหา
ประกอบด้วยกิจกรรมที่แตกต่างกันแล้วแต่สภาพปัญหาของแต่ละโครงการ แต่โดยทั่วไปมักจะมีกิจกรรมร่วมที่ใช้แทรกแซงในกระบวนการพลิกฟื้นโครงการ 5 กิจกรรมหลัก
(1) การปรับปรุงกิจกรรมการสื่อสารและชี้แจง อันเป็นการบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
เพื่อให้โครงการได้รับความเชื่อถือ การหารือทำความตกลงร่วมกันใหม่ที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
(2) การนิยามความจำเป็นหรือความต้องการหรือปัญหาที่จำเป็นต้องมีการดำเนินโครงการนี้ในระยะต่อไปอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งอาจจะต้องปรับปรุงขอบเขตหรือรายละเอียดของโครงการ เช่น การปรับลดขนาดของโครงการ การปรับวงเงินงบประมาณ ทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป
(3) กิจกรรมทบทวนด้านทรัพยากรว่าจะต้องเพิ่มเติมหรือยกเลิกทรัพยากรใดบ้างเพื่อการดำเนินโครงการในอนาคต
เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะมีศักยภาพและความพร้อมในการพลิกฟื้นสถานะของโครงการ
(4) กิจกรรมการทบทวนผู้บริหารโครงการ หรือการเพิ่มที่ปรึกษาเพื่อช่วยแนะนำให้คำปรึกษาตลอดจนช่วยกำกับการพลิกฟื้นโครงการ ให้เป็นไปตามแผนงานพลิกฟื้นโครงการที่กำหนด
(5) กิจกรรมการทบทวนหรือแก้ไขประเด็นปัญหา ทางเทคนิค ถ้าหากประเด็นทางเทคนิคเป็นปัญหาส่วนหนึ่งของโครงการ
อุปสรรคที่ขัดขวางการพลิกฟื้นโครงการที่มีปัญหา
แม้ว่าจะมีการเข้ามาแทรกแซงโครงการเพื่อพลิกฟื้นโครงการที่มีปัญหาสู่สถานะปกติแต่ก็ไม่ใช่ว่ากิจการประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นโครงการที่มีปัญหา และไม่ใช่ทุกโครงการที่มีปัญหาที่จะถูกตัดสินให้มีการพลิกฟื้นสถานะ
อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้พบว่า โครงการที่มีปัญหาซึ่งผ่านกระบวนการพลิกฟื้นที่ดีมักจะประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ และโครงการสามารถดำเนินงานต่อไปได้โดยประสบความสำเร็จและมีสถานะปกติ
อุปสรรคในการพลิกฟื้นโครงการมักจะมีความสัมพันธ์กับจุดกำเนิดของสาเหตุของปัญหาของโครงการตั้งแต่แรก
อย่างเช่น
(1) การนำเอาโครงการกลับไปให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาเพื่อของความเห็นและความเห็นชอบเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็นการยากเพราะโครงการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ขอบเขต งบประมาณดำเนินการ และทรัพยากร เป็นต้น
(2) แม้ว่าจะมีการสื่อสารและชี้แจงด้วยวิธีการที่เหมาะสมแล้วก็ตาม แต่หากตัวโครงการที่ถูกพลิกฟื้นไม่ชัดเจนว่าจะสามารถเปลี่ยนสถานะโครงการสู่สภาวะปกติได้ จึงยากจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
(3) อาจจะเกิดความขัดแย้งในการจัดลำดับความสำคัญ และประเมินเชิงนโยบายอีกครั้ง จนหาข้อสรุปไม่ได้
(4) การแสวงหา สรรหาทรัพยากร และบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายของโครงการอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
(5) ตัววิธีการหารือกระบวนการที่จะช่วยพลิกฟื้นโครงการอาจจะไม่มีประสิทธิผล
ไม่มีความเห็น