เรื่องเล่าระหว่างวันที่ ๒๑-๒๘ มกราคม ๒๕๕๖



๓๐  มกราคม  ๒๕๕๖

เรียน  เพื่อนครู  ผู้บริหารและผู้อ่านทุกท่าน

วันจันทร์ที่ ๒๑  มกราคม  ๒๕๕๖  บ่ายประชุมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตและผู้อำนวยการกลุ่ม เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับโครงการต่าง ๆ เพราะ สพฐ. ได้จัดสรรมาให้อีก ๓ ล้านบาท มีข้อตกลงสำคัญของโครงการ คือ ไม่สร้างภาระให้กับครูที่จะต้องทิ้งห้องเรียน มาอบรมสัมมนา สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่เขียนให้คนอื่นทำ หลายโครงการผ่านการเห็นชอบ บางโครงการให้ไปปรับใหม่ นัดกันอีกครั้งในวันที่ ๓๐  มกราคม  ๒๕๕๖ 

                                     

วันอังคารที่๒๒  มกราคม  ๒๕๕๖  หลังกาแฟที่ห้องสโมสรขึ้นไปทำงานที่ห้องชั้น๓จน๐๙.๓๐น. เดินทางไปอบจ.ปทุมธานีเพื่อเข้าร่วมสัมมนาการบาิหารราชการส่วนท้องถิ่นผู้เข้าประชุมส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสภาอบจ.และผู้อำนวยการกองในสังกัดอบจ.  รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี  นายประสิทธิ์  บุญลิิขิตเป็นประธานเปิดการประชุมจากนั้นวิทยากรจาก  สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดมาบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการปกครองส่วนท้องถิ่นการประชุมวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กรด้านสาธารณะของอบจ.ปทุมธานีโครงการนี้จะมีการเดินทางไปศึกษาดูงานประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่๒๒-๒๘มกราคม๒๕๕๖ที่เมืองนาโงยาและเกาะฮอกไกโดเขาเชิญผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทั้ง๒เขตและมัธยมศึกษา๑เขตในจังหวัดร่วมเดินทางไปด้วย  ผมอยู่ร่วมประชุมได้เพียงชั่วเดียวเดียวก็กลับมาเตรียมการประชุมอ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเพราะนัดประชุมไว้ในตอนบ่าย  เวลา ๑๓.๓๐ น. ประชุม อ.ก.ค.ศ. เขต มีเรื่องแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียนวัดบางคูวัด คนใหม่ คือ พ.อ.อ.กิติศักดิ์  เพ็งสกุล  จากโรงเรียนบางโพธิ์เหนือ และมีการย้าย สายงานการสอนไม่กี่ตำแหน่งเพราะวิชาเอกไม่ตรงกับความต้องการของโรงเรียน ตำแหน่งที่เหลือจึงเรียกจากบัญชีมาบรรจุ  นอกจากนั้นยังมีการอนุมัติการเลื่อนวิทยฐานะในบางสาขา อาทิ กลุ่มสาระการเรียนรู้ปฐมวัย นางฑิตยาภรณ์ พูดสงคราม โรงเรียนอนุบาลปทุมธานี  นางมลิวรรณ์  โพธิ์เชย โรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ  กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ นางจำรัส  แจ่มประทีป โรงเรียนวัดกุฎีทอง นางสาวอรทัย  ขาวละเอียด โรงเรียนวัดลาดหลุมแก้ว นางพรพิมล พรสิงห์ โรงเรียนอนุบาลปทุมธานี  สาขาการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  นายสมัคร  รักธรรม โรงเรียนปากคลองสอง นางจงกลณี จันทร์สำราญ โรงเรียนบ้านคลองขวางบน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นางสาวโศภิษฐ์  รอดแจ่ม  นอกนั้นให้ปรับปรุงกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา  ว่าที่ร้อยตรีนิมิตร โพธิ์เชย โรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ  นางสาวพยอม แก้วถาวร โรงเรียนคลองลาดช้าง นายชัยรัชต์ คงลาภ โรงเรียนวัดกลางคลองสาม  นางสาวจริยา จริตพจน์ โรงเรียนวันครู ๒๕๐๒ ส่วนครูวิทยฐานะชำนาญการ นายพุฒินันท์  แสงสิริวัฒน์  โรงเรียนวัดบางนา 

                                            

 เลิกประชุมเดินทางกลับบ้าน เพื่อเตรียมกระเป๋าเดินทาง การเตรียมการไว้ล่วงหน้าทำให้รู้สึกว่ามีความพร้อมมากขึ้น  เหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช้เวลานิดเดียวก็เสร็จ  สองทุ่มเต้ย หมู ภา นา เอารถตู้มารับไปส่งสนามบินสุวรรณภูมิ คณะมาพร้อมกันหลายท่านแล้ว ทัวร์นำกระเป๋าไปเช็คอินให้เรียบร้อย  ไปแลกเงินมา ๓๐,๐๐๐ เยน ไว้กินกาแฟ จากนั้นผ่านพิธีลงตราออกนอกประเทศ  เข้าไปเดินเตร่ด้านใน  ประตู E1A สามารถลงไปนั่งคอยได้ แต่เครื่องออกเวลา ๐๐.๐๕ ของวันที่ ๒๓  มกราคม  ๒๕๕๖ ผมเคยไปญี่ปุ่นมา ๒ ครั้ง ทั้งสองครั้งอยู่บนเกาะฮอนชู คือเมืองโกเบ โอซาก้า เกียวโต นารา ซาซายามา นาโงย่า โตเกียว  ไปครั้งนี้เครื่องจะไปลงที่เมืองนาโงย่า บนเกาะฮอนชู เพื่อศึกษาดูงาน ๑ แห่ง จากนั้นเดินทางต่อด้วยเครื่องบินไปเกาะฮอกไกโด ศูนย์กลางคือเมืองซับโปโร เป็นเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่นที่มีความหนาวตลอดปีเพราะอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ยิ่งไปตอนนี้เป็นหน้าหนาวที่ติดลบถึง -๒๐ องศาเซนเซียส เราจะอยู่บนเกาะนี้จนถึงวันที่ ๒๘ มกราคม  ๒๕๕๖ จึงศึกษาข้อมูลจากข้อเขียนของ ดร.วิษณุ เครืองาม พอสังเขปดังนี้  ญี่ปุ่นประกอบด้วย 4 เกาะใหญ่ กรุงโตเกียว เกียวโต โกเบ โอซากา ที่คนไทยรู้จักดีรวมทั้งเซนไดที่เกิดสึนามิครั้งใหญ่และเมืองฟูกูชิมาที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์รั่วเมื่อปี 2554 อยู่บนเกาะใหญ่ชื่อฮอนชู เหนือเกาะฮอนชูขึ้นไปเป็นเกาะใหญ่อีกเกาะชื่อฮอกไกโด ญี่ปุ่นออกเสียงว่าหอกไก๊โด่ ซึ่งไกด์ไทยฟังแล้วเสียววาบ แปลว่าทางไปสู่ทิศเหนือ ระหว่างเกาะฮอกไกโดกับเกาะฮอนชูเป็นช่องแคบกว้างราว 20-30 กิโลเมตร แต่ทุกวันนี้สร้างอุโมงค์รถไฟ (ไม่ใช่ชิงกันเซ็น) ลอดใต้ทะเลเชื่อมถึงกันแล้ว ญี่ปุ่นคุยว่าเป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก แต่อุโมงค์รถไฟที่เชื่อมระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสเถียงว่าของเขายาวกว่าเพราะต้องนับเฉพาะส่วนที่ลงน้ำจริง ๆ ไม่ใช่บูรณาการยกเอาทางบกด้านหัว ด้านท้ายมารวมด้วย เกาะฮอกไกโดเป็นแดนสวรรค์ของญี่ปุ่น ดูเป็นป่าเขาทุ่งหญ้าทะเลสาบแบบในสวิตเซอร์แลนด์มากกว่าจะเป็นญี่ปุ่น ธรรมชาติและชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนแถบเกาะฮอนชูและใต้ ๆ ลงไปเพราะอากาศเย็นสบายตลอดปี หน้าหนาวก้อนน้ำแข็งจากไซบีเรียจะลงมาปิดทางน้ำตอนเหนือ แต่พอเข้าหน้าร้อนจะละลายจนชะเอาแพลงก์ตอนและอาหารสัตว์มาทับถมอยู่ที่นั่นจึงอุดมสมบูรณ์ด้วยกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึกยักษ์ เกาะนี้มีประชากรประมาณ 5-6 ล้านคน ชนพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นชาวประมงพวกไอนุซึ่งนับถือเทพเจ้า ฮอกไกโดจึงไม่มีปราสาทโชกุน ไม่มีวัดชินโตเก่า ๆ มีแต่วัว แกะ ม้ายืนเล็มหญ้ากลางทุ่ง ความจริงทั้งเกาะฮอกไกโดเป็น 1 จังหวัด เมืองต่าง ๆ บนเกาะจึงมีฐานะเป็นอำเภอเท่านั้น เช่น ซัปโปโร โอตารุ ฟูราโน แต่เพราะเมืองเหล่านี้ล้วนใหญ่โตและโด่งดังมากคนจึงนึกว่าฮอกไกโดเป็นบริเวณ ส่วนซัปโปโร โอตารุเป็นจังหวัด ซัปโปโร แปลว่าเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน เป็นเมืองศูนย์กลางราชการ การค้า และความเจริญ เหมือนอำเภอเมือง แต่โด่งดังจากชื่อเบียร์ซัปโปโร เคยเป็นที่จัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนและฤดูหนาว และเทศกาลหิมะหรือสโนว์ เฟสติวัล ทุกสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ทางการจะปิดถนนกลางเมืองให้ประติมากรทั่วโลกมาแกะสลักหิมะประกวดกัน ระหว่างนั้นอากาศหนาวเย็นจัดขนาดลบ 5-ลบ 10 กลางคืนมีแสง สี เสียงสวยงาม พลเอกวินัย ภัททิยกุล เล่าว่าเมื่อ 30 ปีก่อน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผ่านไปทางนั้นได้เห็นเข้าจึงให้ทหารไทยทำเรือสุพรรณหงส์ไปโชว์บ้างปีต่อ ๆ มาจึงเริ่มส่งช่างแกะสลักน้ำแข็งจากโรงแรมต่าง ๆ ไปแกะสลักประกวดจนได้รางวัลที่ 1 ติดกัน 3 ปีซ้อน ส่วนรางวัลอื่นนั้นได้ติดมือมาแทบทุกปี ประติมากรรมหิมะที่มีชื่อมากของไทยคือพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทครุฑยุดนาค มวยไทย ไกรทองกับชาละวัน และมวยไทยสู้กับซูโม่ญี่ปุ่น ฮอกไกโดไปเที่ยวได้ทั้งปี สนามบินชื่อชิโตเสะ ตุลาคมนี้การบินไทยจะบินตรงไปที่นั่น หน้าหนาว (ธันวาคม-มีนาคม) ไปดูสโนว์ เฟสติวัลที่ซัปโปโร ไปกินก้ามปูยักษ์ทาราบะ ไปเล่นสกีตามรีสอร์ทต่าง ๆ มีเวลาก็ควรนั่งรถออกไปเมืองโอตารุ เมืองท่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเป็นแหล่งขายเครื่องแก้วเจียระไนและหีบเพลงไขลานหรือมิวสิก บอกซ์ ระหว่างทางมีสวนผลไม้หลายแห่งให้จอดแวะซื้อตั๋วฉวยตะกร้าเก็บไป ชิมไป ทิ้งไป แต่ห้ามนำออกนอกสวน หน้าร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม) เช่นเวลานี้ไม้ดอกจะงามสะพรั่ง เมืองฟูราโนเป็นเมืองยอดนิยม มีโฮเต็ลหลายแห่งอยู่กลางป่า อากาศดี วิวสวย อาหารอร่อย มีอ่างน้ำแร่แช่น้ำร้อนหรือออนเซน อาหารเสิร์ฟก้ามปูทาราบะอันเบ้อเริ่ม ปลาดิบสารพัด แกะย่าง เนื้อย่าง เนื้อวัววากิวที่ฮอกไกโดมีชื่อเสียงมากเพราะเวลาเลี้ยงต้องนวดตัวประคบประหงม ให้ดื่มเบียร์และเปิดเพลงคลาสสิกให้ฟัง เนื้อชนิดนี้จะมีมันแทรกทุกขุมขน ราเม็งที่นี่ก็ถือว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น อ้อ! ม้าฮอกไกโดก็มีชื่อ เพราะหญ้าดี อากาศดี มีฟาร์มเลี้ยงม้าแข่งราคาตัวละเป็นล้าน ม้าของสุลต่านแถบตะวันออกกลางจะนำมาจ้างเลี้ยงและฝึกที่นี่ ฮอกไกโดมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางเกษตรมากไม่ว่าด้านป่าไม้ พืชไร่ พืชดอก หรือสัตวบาล ฟูราโนมีที่เที่ยว เช่น โรงงานทำชีส (เนยแข็ง) โรงงานทำไวน์ แต่สุดยอดคือโทมิตะ ฟาร์ม เป็นสวนดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ลิ้นมังกรสีแดง นาซิสซัส รูพินัส ดาวเรือง และดอกไม้สารพัดสี ปลูกยกร่องตามไหล่เขาข้างทางสุดลูกหูลูกตา งามกว่าที่โปรวองซ์ในฝรั่งเศสเสียอีก เพราะที่โปรวองซ์กว้างใหญ่เกินไปและมีชนิดเดียว แต่ที่โทบิตะ ฟาร์ม จะคัดพันธุ์ลาเวนเดอร์ดี ๆ มาปลูก ดูแต่ไกลสีจะสลับระหว่างม่วงอ่อน ม่วงเข้ม และดอกอื่น ๆ เป็นสีแดง ชมพู เหลือง ขาว ส้ม ฟ้าคราม กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเหมือนสายรุ้ง เขาปลูกไว้ทำสบู่ ครีม น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งไอศกรีม เค้ก และช็อกโกแลตลาเวนเดอร์ขาย ไม่ต้องถ่อไปดูถึงฝรั่งเศส เอาแค่ฮอกไกโดก็ดูจนเบื่อแล้วครับ นอกจากโทบิตะ ฟาร์มแล้ว สองข้างทางยังมีฟาร์มเล็กฟาร์มน้อยปลูกไม้ดอกอีกสิบ ๆ แห่ง บางเมืองในฮอกไกโดมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นอีกด้วย เช่น สวนหมี น้ำตก ทะเลสาบ ทุ่งข้าวบาร์เลย์ เบียร์ที่นี่มีชื่อมากเพราะข้าวบาร์เลย์ดี เมลอนและข้าวโพดที่นี่ก็อร่อยมากหวานกรอบราวกับเชื่อมน้ำตาล มะเขือเทศก็น่ากินแดงแจ๊ดรสหวานราวกับองุ่น ที่มีชื่ออีกอย่างคือนมวัว หวานมันหอม พลเอกศิรินทร์ ธูปกล่ำ คุณอภัย จันทนะจุลกะ อาจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร ดร.บวรศักดิ์ที่ไปด้วยดื่มกันมื้อละหลายขวดแล้วชมว่าของเขาอร่อยจริง ๆ ดังนั้นไอศกรีมและช็อกโกแลตที่นี่จึงถึงนมถึงเนยรสชาติดีมาก ถ้าจะไปเที่ยวฮอกไกโดคงต้องให้เวลาหลายวันหน่อยจะได้เที่ยวให้ทั่ว และไปให้เหมาะแก่ฤดูกาล หลังฤดูร้อนลาเวนเดอร์จะวาย แต่อาจไปดูป่าไม้เปลี่ยนสีเป็นเหลือง แดง ม่วงทั้งเกาะ คนญี่ปุ่นเองน้อยรายจะไปถึงฮอกไกโด คงเข้าตำราใกล้เกลือกินด่าง ส่วนชาวต่างประเทศรู้จักฮอกไกโดเพราะการรถไฟญี่ปุ่นเคยถ่ายรูปทุ่งลาเวนเดอร์ ฟาร์มม้า ฟาร์มวัว และฟาร์มแกะไปโฆษณา ตั้งแต่นั้นมาฮอกไกโดก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังบริสุทธิ์ แต่สะดวกสบายด้วยวิวธรรมชาติ อากาศโปร่ง โรงแรมแสนสำราญ อาหารดี และดนตรีเพราะ. 

 


วันพุธที่ ๒๓  มกราคม  ๒๕๕๖ เวลา ๐๐.๐๕ น. เที่ยวบิน TG 644 พาพวกเรา ๖๒ ชีวิตเดินทางสู่เมืองนาโงยา ประเทศญี่ปุ่น มีอาหารว่างเลี้ยงจากนั้นก็หลับ ๆ ตื่น ๆ จนเขาปลุกให้ทานอาหารเช้าเวลา ๐๕.๐๐ น. ของเวลาท้องถิ่น บ้านเราก็ประมาณตี ๓ เครื่องลงสนามบินเวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น. ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองซึ่งขลุกขลักเล็กน้อยเพราะเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์เขียนแบบเข้าเมืองผิด ต้องไปเขียนเอง แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อากาศภายนอกสนามบินกำลังสบาย อุณหภูมิ ๘ องศาเซนเซียส มีรถบัสมารับ ผมถูกจัดให้ขึ้นบัส ๒ สมาชิกมีทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายประสิทธิ์ บุญลิขิตและภริยา สมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี ผอ.กองของ อบจ. ส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกันนัก ลำดับแรกเดินทางไปศึกษาดูงานโรงเผาขยะของเมืองนาโกย่า ต้องขึ้นทางด่วน ผ่านตัวเมือง ผ่านไร่นาไปทางเหนือ ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง มาแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีพ้กรถ ซึ่งมีศูนย์บริการอาหารและเครื่องดื่มครบถ้วนทั้งของหนักของว่าง เสื้อแจ็กเก็ตที่ซื้อมาจากอเมริกาปีที่แล้วพอรับมือไหว เพราะอุณหภูมิไม่ติดลบ โรงกำจัดขยะอยู่ชานเมือง แต่ก็มีชุมชนหนาแน่นเรียงรายอยู่รอบ ตัวโรงงานเป็นตึกสูงหลายชั้น เวลาเดินเข้าข้างในต้องเปลี่ยนรองเท้าเพื่อความสะอาด เหมือนโรงเรียน ขึ้นไปฟังบรรยายสรุปที่ชั้น ๒ เขาเล่าว่าต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับชุมชนกว่า ๒๐ ปี จึงจะยอมรับ โรงงานนี้ชื่อ GOJOGAWA Incineration Plant  สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้โรงงานแห่งนี้สะอาดยิ่งกว่าโรงพยาบาลคือการแยกขยะจากครัวเรือน โรงงานมีรายได้หลักจากการขายถุงขยะแยกประเภทตามสีของถุงให้ครัวเรือน ต้นทุนในการกำจัดขยะตกตันละ ๘,๐๐๐ บาท รายจ่ายเหล่านี้ท้องถิ่นเป็นผู้อุดหนุนจากเงินภาษี กากขยะจะออกมาหลายประเภทมีทั้งแท่ง กรวด ทราย นำไปใช้ประโยชน์ในการถมที่ ส่วนน้ำที่ออกมาปล่อยลงในคลองสาธารณะ เขาชี้ให้ดูฝูงเป็ดที่แหวกว่ายอยู่ในลำคลองให้ดูเพื่อยืนยันถึงความสะอาด เที่ยงไปทานอาหารญี่ปุ่นชาบูชาบู ที่ร้าน AGOYA BEER GARDEN SINCE 1931 ซึ่งเป็นภัตตาคารแบบบาบีคิว มีเบียร์ดีจากซับโปโร สาขานาโงยา มีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้กับภัตตาคาร อิ่มแล้วจึงเดินชมสินค้ามีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หลายคนอุดหนุน ผมได้แต่ดูเพราะมีเพียงพอแล้ว ต้องเก็บน้ำหนักกระเป๋าเอาไว้ เพราะชั่งตอนโหลดกระเป๋าหนัก ๑๕ กก. การบินไทยให้น้ำหนักเพียง ๒๐ กก. สูงสุด ๒๓ กก.เท่านั้นสำหรับชั้นประหยัด  บ่ายเดินทางกลับไปสนามบิน Chubu เมืองนาโงย่า รับตั๋วเครื่องบินของสายการบิน ANA (Air Nippon Airways) เช็คอินเข้าไปนั่งคอยขึ้นเครื่องที่ประตูหมายเลข ๙ จนเวลาเกือบหกโมงเย็นจึงขึ้นเครื่องเดินทางไปยังเกาะฮอกไกโด ใช้เวลา ๑ ชั่วโมงกว่า ถึงสนามบิน Chitose เกาะฮอกไกโด ไม่ต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองอีกแล้วเพราะเป็นเที่ยวบินในประเทศ ออกมารอรถเห็นขาวโพลนไปทั้งบริเวณ คือ หิมะหรือ snow ที่พวกเรามาตามหานั่นเอง อากาศเย็นเยือกจนต้องใส่ถุงมือใส่หมวกกันหนาว รถพาไปทานอาหารแบบปิ้งย่างเนื้อวัวฮอกไกโด ด้านหน้าร้านอาหารเต็มไปด้วยกองหิมะที่ถูกกวาดไปรวมไว้สองข้างทางเดิน ทานอาหารพิเศษ วัวย่างฮอกไกโด มีฟักทองย่างเป็นเครื่องเคียง คนไม่กินเนื้อเขาจัดอาหารทะเลจำพวกกุ้ง หอย ให้ย่างแทน  รถพาไปพักค้างโรงแรมใกล้สนามบินชื่อโรงแรม ANA CROWN PLAZA  ถนนทุกสายเต็มไปด้วยหิมะจนถึงหน้าโรงแรม ผมพักค้างกับ ผอ.พิทยา  ไชยมงคล สพม.๔ และจะเป็น buddy ตลอดทริปนี้


วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มกราคม  ๒๕๕๖ ตื่นตั้งแต่ตีสี่เพราะห้องพักร้อนเกินไปหาที่ปรับอุณหภูมิไม่เจอ เลยอาบน้ำ จัดแจงเรื่องเสื้อผ้าที่กันหนาวได้ วันนี้จัดเต็มประมาทไม่ได้เพระเห็นฤทธิ์ความหนาวตั้งแต่เมื่อคืน ชั้นในใส่ลองจอนด์ ทับด้วยเสื้อยืด มีผ้าพันคอ ทับด้วยเสื้อขนห่านcolumbia ซึ่งมีผ้าคลุมหัวซ่อนไว้ด้านหลังคอเสื้อ เข็นกระเป๋าลงไปชั้นล่าง ทานอาหารเช้า มีข้าวต้มกับปลาแซมมอลอบเกลือ ตามด้วยกาแฟดำ แค่นี้ก็อิ่มแล้ว  ออกไปเดินเล่นกับหิมะหน้าโรงแรม ทั้งลื่นทั้งหนาว รองเท้าที่เตรียมมาใช้ได้เรื่องกันหนาวเพราะพื้นหนา แต่เจอหิมะที่จับตัวเป็นน้ำแข็งแล้วลื่นมาก คำสอนในอดีตที่บอกว่าเวลาเดินให้เอาปลายเท้าลงใช้ไม่ได้สำหรับเมืองนี้ ต้องเอาส้นเท้าลงก่อนแล้วค่อยวางให้เต็มเท้า อย่างนี้ไม่ลืน หากเผลอทีไรก็เซถลาลมไปทุกที ดูรายงานอากาศเช้านี้ติดลบ ๘ องศาเซนเซียส  แต่พอร่างกายปรับตัวได้ก็พอทนได้ สู้นายกชาญ พวงเพ็ชร ไม่ได้ ท่านไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว ไม่ต้องใส่ลองจอนด์ ใส่เสื้อตัวเดียวกลับเล่นกับหิมะได้อย่างสนิทสนม  ๙ โมงเศษรถพาไปชมพิพิธภัณฑ์ปลาแซมมอล(CHITOSE SAMON AQUARIUM) หิมะขาวโพลนไปทั้งพื้นที่ เขาจัดให้ชมวงจรชีวิตปลาแซมมอล เหมือนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่บางแสนบางส่วนมีห้องใต้ดินไปมองผ่านกระจกดูท้องแม่น้ำ Chitose ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เขาจัดกระบะให้นั่งเล่นกับหิมะแบบกระดานลื่น พวกเรานำทีมโดยท่านนายกก็ใช้บริการกันอย่างสนุกสนาน ใครมีีฝีมือก็แกะสลักหิมะเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ที่นี่เขานิยมหมีสีน้ำตาลกัน งานแกะสลักหิมะส่วนใหญ่จึงมักเป็นรูปหมีแต่เป็นสีขาวแทน เดินทางผ่าพายุหิมะไปยัง Noboribetsu Date Jidaimura เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมของฮอกไกโด ก่อนเข้าชมเลี้ยวขวาเข้าภัตตาคารทานชาบูชาบูแบบทะเล มีปูขนเป็นพระเอกของมื้อนี้  อิ่มแล้วเข้าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านท่ามกลางเกร็ดหิมะที่โปรยลงมา เดินชมตัวอาคารที่สร้างสวยงามแบบญี่ปุ่น ไปชมการแสดงนักรบนินจา จากนั้นก็เดินเล่นกับหิมะมาขึ้นรถเดินทางหุบผานรก jigokudani  ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรย ในหุบเขาแห่งนี้มีโคลนเดือดของกำมะถัน ขึ้นไปยืนดูขอบบ่อหนาวนักจนไม่ไหวต้องกลับมาขึ้นรถ จากนั้นรถพาไปยังที่พักที่มีชื่อเสียงของฮอกไกโด คือ ทะเลสาป TOYA ซึ่งเป็นทะเลปากปล่องภูเขาไฟที่ปะทุ ๓๐ ปีครั้งหนึ่ง น้ำในทะเลสาปแห่งนี้จึงไม่เป็นน้ำแข็ง แต่รอบๆเต็มไปด้วยหิมะปกคลุม โรงแรม TOYA SUN PALACE HOTEL อยู่ติดทะเลสาป ขึ้นห้องพักแต่งตัวชุดยูกะตะลงมาทานข้าวตามธรรมเนียมของที่นี่  อาหารบุฟเฟ่มีให้เลือกหากหลายมาก คิดถึงโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค คืนนี้นอนสบายอากาศไม่ร้อนเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา

วันศุกร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ ตื่นเช้าตามเคย ลงไปทานข้าวตั้งแต่ ๗ โมง จากนั้นก็ถ่ายภาพกับหิมะที่กำลังตกหนัก ทะเลสาปหน้านี้ไม่สดใสเอาเสียเลย เพราะฟ้าเต็มไปด้วยหิมะที่ตกมาเป็นฝอย แสงแดดไม่เพียงพอ ได้เวลาลากกระเป๋าฝ่าฝนหิมะทีี่ลงอย่างหนักไปขึ้นรถ เขาจะพาไปดูหมีสีน้ำตาล เดิมบอกว่าจะให้นั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา พอไปถึงลมแรงมากกระเช้าไม่วิ่ง ก็เลยไปยืนดํูหมีในคอกที่ต่ำลงไป เวลาคนโยนแอพเปิ้ลให้จะใช้ปากงับอย่างรวดเร็ว อดเป็นห่วงสุขภาพฟันไม่ได้ว่าต่อไปอาจโยกหักได้ เวลาจะขอจะยืนสองขายกมือไหว้ปะหลก ๆ  กลับจากดูหมีสีน้ำตาลรถพาเลียบชายทะเลที่มีคลื่นซัดรุนแรงมาก แต่เขาใช้เสาคอนกรีตวางซ้อน ๆ เป็นแนวดักคลื่นไว้ตลอดชายฝั่ง เที่ยงนี้ไปกินอาหารทะเลที่ภัตตาคารที่เต็มไปด้วยของสดมากมายให้เลือกซื้อหาไปปรุง แต่ดูแล้วเฉพาะที่เขาเตรียมไว้ให้ก็กินไม่หมด จึงไม่มีใครสั่งเพิ่ม อิ่มแล้วลงมาถ่ายรูปกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ตัวใหญ่กว่าบ้านเรา  บ่ายเดินทางไปหมู่บ้านไอนุ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่น เขาจำลองเป็นหมู่บ้าน มีการแสดง และขายของที่ระลึก ซื้อเสื้อคอกลมมา ๑ ตัว เขียนด้านหลังว่า ฮอกไกโด เป็นภาษาญี่ปุ่น ชมการแสดงดนตรี พื้นบ้าน การร่ายรำ ออกไปดูแม่น้ำหลังหมู่บ้านซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว มีชาวประมงไปเจาะน้ำแข็งตกปลา คือหย่อนเชือกลงไปตามรู 


  รถพาขึ้นเหนือมุ่งหน้าเข้าเมืองซัพโปโรที่เต็มไปด้วยหิมะทุกสายถนน ทุกอาคาร ต้องใช้รถเกรดทางจึงมีถนนให้รถวิ่งได้ เขาพาไปปล่อยให้เดินเที่ยวย่านถนนคนเดิน ถนนนี้ห้ามรถเข้า สองฟากเป็นร้านค้าเล็กใหญ่ ยาวเป็นหลายกิโลเมตร ดีที่มีหลังคาโค้งครอบตลอดสาย จึงไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ได้เวลาเขาพาไปกินอาหารย่างๆปิ้งๆจนเสื้อกันหนาวดูดซับกลิ่นอาหารกันถ้วนหน้า จากนั้นเข้าโรงแรม Sapporo Excel Tokyu Hotel นับเป็นโรงแรมมีระดับของเมืองนี้ เราจะพักที่นี่ ๒ คืน จึงไม่ต้องเครียดกับการจัดกระเป๋าในคืนนี้ มองจากโรงแรมออกไปบนห้องพักชั้น ๑๒ จะเห็นหอซับโปโรทีวีทาวเวอร์ อวดเวลาจากนาฬิกาดิจิตอลชัดเจน มองถัดไปจะเห็นสวนโอโตริกลางใจเมืองที่เป็นศูนย์กลางจัดงานเทศกาลหิมะ และงานในฤดูกาลอื่น ๆ


วันเสาร์ที่ ๒๖  มกราคม ๒๕๕๕ เช้าแม้จะเป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเราก็มีโอกาสไปดูโรงงานบำบัดน้ำเสียของเมืองซ้พโปโร ตัวอาคารปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่ภายในมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกจัดวิทยุสื่อสารให้ทุกคนเพื่อรับฟังคำแปลเป็นภาษาไทยจากล่ามของเรา เพราะเขาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น การดูงานในญี่ปุ่นต้องเดินเป็นหลักจากชั้นล่างสู่ชั้นบนต่อเนื่องกันไป สาระสำคัญของโรงบำบัดน้ำเสียแห่งนี้เขาขุดบ่อลึกลงไปจนน้ำจากทุกแห่งสามารถไหลลงบ่อได้ และนำไปบำบัดเป็นขั้นตอน จนได้น้ำที่ดี เป็นที่น่าสังเกตว่าจะมีนักเรียนมาศึกษาค้นคว้าในห้องสมุดและคอมพิวเตอร์ของโรงงาน หลังดูงานโรงบำบัดน้ำเสียไปต่อด้วยโรงงานช็อคโกเล็ต Ishiya จัดบริเวณและภายในเหมือนดิสนีย์แลนด์ หากมีเวลาเป็นเรื่องน่าสนใจมาก ทางเดินวกไปวนมาจากชั้นล่างสู่ชั้นบนเหมือนในหนังการ์ตูน จัดห้องสุดท้ายคือที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายแบบ เที่ยงไปกินข้าวแบบชาบูซาบูอีกมื้อหนึ่งซึ่งก็เริ่มเบื่อกันแล้ว บ่ายไปเดินเที่ยวย่านสถานีรถไฟเจอาร์ซับโปโร มีห้างสรรพสินค้าทั้งบนดินใต้ดินให้เดินเลือกซื้อหาได้สิบวันสิบคืนก็ไม่จบไม่สิ้น  เย็นกินข้าวถนนคนเดินเป็นแบบปิ้งย่างแต่ไปเลือกอาหารใส่ถาดมาเอง ขาปูยักษ์ หอย หมึก ปลาแซมมอล อีกสารพัดตามแต่จะเลือกเอา วันนี้เดินมากจนขาแข็งจึงเหนื่อยมาก กลับถึงโรงแรมอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำ


วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มกราคม  ๒๕๕๖  เมื่อคืนหิมะลงหนัก หลังอาหารเช้าจึงเดินเล่นกับหิมะเพื่อให้ร่างกายปรับตัว เวลา ๐๘.๐๐ น. เดินทางไปชมดินแดนแห่งเสียงดนตรีและกวี ฝนหิมะลงหนักมากจนต้องหลบเข้าโรงเป่าแก้ว เดินชมสินค้าเจียรไนย จนเพลิดเพลิน เลือกซื้อของที่ระลึกชิ้นเล็ก ๆ ที่ทำจากแก้ว จากนั้นเดินทางไปคลองสายวัฒนธรรมโอตารุ แวะทานข้าวที่ร้านอาหารที่ปรับปรุงจากโกดังเก่า มีปลาฮอกเกะให้ย่างกินคนละครึ่งตัว จากนั้นไปถ่ายภาพกับลำคลอง และเล่นหิมะกันพอสนุกสนาน 


 รถพาพวกเราไต่ภูเขาท่ามกลางหิมะไปที่ Okurayama Ski Jump Stadium เด็กตัวเล็กตัวน้อยมาฝึกเล่นสะกีกันแล้ว เราวัยจะห้ารอบถอยดีกว่า ก่อนเข้าที่พักเขาพามาแวะ Chitose Outlet Mall Rera เดินชมสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย อาคารจะเป็นชั้นเดียวเป็นแถวยาวต่อเนื่องแบ่งออกเป็นลู่แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแผนผังแสดงให้สามารถเลือกหาได้ไม่ยาก ราคาดูแล้วถูกกว่าบ้านเรานิดหน่อย อุดหนุนหมวกกันหนาวมาหนึ่งใบของ Columbia เพราะเห็นวางขายที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ๒,๗๐๐ บาท ที่นี่ราคา ๘๐๐ บาท กลับโรงแรมที่เคยมาพักคืนแรก คือ ANA CROWN PLAZA อาหารเย็นก็กินที่โรงแรม จัดกระเป๋าเดินทางให้ทุกอย่างลงๆไปอยู่ในใบเดียวจะได้ไม่ต้องเป็นภาระมาก จัดไปจัดมาก็เรียบร้อย เรียกว่านอนตาหลับ ส่วนน้ำหนักไม่น่าจะเกินพิกัด ๒๓ กก. ตามที่สายการบินกำหนด ห้องพักคืนนี้ไม่ร้อนนอนสบาย


วันจันทร์ที่ ๒๘  มกราคม ๒๕๕๖ ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า ลงไปทานอาหารเช้าที่เขาเปิดให้กินได้ตั้งแต่เวลา ๐๕.๔๐ น. ลากกระเป๋าลงมารอขึ้นรถ ยังมีเวลาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันบ้าง ประมาณ ๐๘.๐๐ น.


 เดินทางไปสนามบิน Chitose รับตั๋วและเช็คอิน กระเป๋าหนัก ๒๑.๕ กก. ผ่านสบาย ต้องถอดรองเท้าให้เขาตรวจ จึงจะผ่านไปได้ เข้ามาด้านในจัดแจงซื้อขนมไปฝากคณะเลขานุการที่จะมารับที่สุวรรณภูมิ ได้เวลา ๑๐.๔๕ น.เวลาท้องถิ่น (ไทยเวลา ๐๘.๔๕ น.)ก็ไปนั่งในเครื่องของสายการบินไทย TG 671 ทานอาหารและ ดูหนัง ใช้เวลาบิน ๗ ชั่วโมง ๓๐ นาที ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพในเวลา ๑๖.๓๐ น. เป็นการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยและหนาวเหน็บที่สุดอีกครั้งหนึ่ง

กำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑





   


หมายเลขบันทึก: 517858เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2013 09:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2014 09:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท