อาจารย์จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
ภายหลังการเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินในสหรัฐที่เรียกว่า “Sub-prime” หรือแฮมเบอร์เกอร์ และวิกฤติการณ์หนี้สินภาครัฐบาลในยุโรปขึ้น
การบริหารความเสี่ยงทางการเงินได้กลับมาสู่ความสนใจของกิจการต่างๆอีกครั้งหนึ่ง เพราะเชื่อว่ากระบวนการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่มีประสิทธิภาพจะแยกแยะกิจการที่อยู่รอดออกจากกิจการที่ต้องปิดตัวเอง
ตัวขับเคลื่อนความเสี่ยงทางการเงินที่สำคัญซึ่งหลายกิจการยังคงกังวลว่าอาจจะต้องเผชิญหน้าและส่งผลต่อความสำเร็จของผลดำเนินงานเทียบกับเป้าหมาย ได้แก่
(1) ความเสี่ยงด้านเครดิต อันเนื่องมาจากการมีลูกหนี้การค้า ลูกหนี้เงินกู้ คู่สัญญาของกิจการ
(2) ความเสี่ยงด้านตลาดที่มาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ราคาโภคภัณฑ์สำคัญและอัตราดอกเบี้ย
ทั้ง 2 ประการนี้มีผลกระทบต่อกระแสการไหลของเงินรายรับจากการดำเนินงาน หรือรายจ่ายจากการดำเนินงานของกิจการ สภาพคล่องระยะสั้น และผลประกอบการของกิจการในที่สุด
การพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของกิจการ มีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
ประการที่ 1
องค์ประกอบของการบริหาร และตัดสินใจทางการเงินของกิจการมี 3 ส่วนสำคัญ
องค์ประกอบส่วนที่ 1
การตัดสินใจด้านการลงทุนถือครองพอร์ตสินทรัพย์ การจัดสรรเงินทุน เพื่อการลงทุน และการขยายฐานลูกค้า
องค์ประกอบส่วนที่ 2
การจัดหาเงินทุน ที่มาจากการก่อหนี้และการเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้น
องค์ประกอบส่วนที่ 3
การบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นการระบุ วิเคราะห์ ประเมินความเสี่ยง และจัดการกับความเสี่ยง การติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการ
ประการที่ 2
การป้องกันความเสี่ยงทางการเงินผ่านเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงแยกออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
(1) การบริหารความผันผวนหรือความแปรปรวนและทิศทาง ได้แก่ เครื่องมือประเภท Options และCaps หรือ Floor
(2) การบริหารความเสี่ยงจากทิศทางการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ Forwards Contract, Future Contract และ Swaps
(3) การบริหารความเสี่ยงด้วยเครื่องมือที่มีความซับซ้อน ได้แก่ Exotics, Hybrids,และตราสารประเภท Structured
ประการที่ 3
กิจการที่ควรจะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงทางการเงินมากเป็นพิเศษ ได้แก่กิจการที่
(1) ผลิตภัณฑ์ต้องการบริหารหลังการขาย
(2) ผลิตภัณฑ์ที่กำหนดคุณภาพล่วงหน้าได้ยาก
(3) ผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนของการปรับเปลี่ยนรูปแบบสูง
(4) ผลิตภัณฑ์ที่ต้องพึ่งพาบริการบุคคลที่ 3 หรือ Outsourcing
(5) มีโอกาสเติบโตสูง
(6) สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน อย่างเช่น ทุนมนุษย์มีความสำคัญสูง
ประการที่ 4
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกอันตรายด้านความเสี่ยงทางการเงินในกิจการอาจจะพิจารณาได้จากหลายสัญญาณ
เช่น
(1) การที่กิจการไม่ได้วิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงอย่างจริงจังและไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์
(2) การที่กิจการไม่ได้เชื่อมโยงความเสี่ยงกับคุณค่าหรือมูลค่าของกิจการ
(3) การที่กิจการไม่ได้ใช้ความพยายามในการประเมินความเสี่ยง
(4) การที่กิจการขาดนโยบายความเสี่ยงทางธุรกิจ
(5) การที่กิจการมีความพยายามแต่เป็นส่วนๆ ไม่ได้บูรณาการและดำเนินทั่วทั้งองค์กร
(6) การที่กิจการสนใจความเสี่ยงทางการเงินในวงแคบ
(7) การที่กิจการมีการสื่อสารความเสี่ยงที่ไม่มีประสิทธิภาพ
(8) การที่กิจการขาดกรอบแนวทางการเข้าถึงความเสี่ยงอย่างบูรณาการ
ประการที่ 5
จุดเริ่มต้นของการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน คือ การจัดทำนโยบายบริหารความเสี่ยงทางการเงินและกรอบแนวทางของการควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน
(1) กิจการควรจะพัฒนากรอบและขอบเขตที่ควรจะใช้กำหนดเป็นนโยบายหรือการปรับปรุงเอกสารที่ใช่อยู่ในปัจจุบัน
(2) กิจการควรจะควบคุมส่วนที่ถือว่าเป็น Benchmark และแนวพึงปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงทางการเงินเป็นไปอย่างมีบรรทัดฐาน และเป็นไปอย่างเหมาะสม
(3) กิจการควรจะให้น้ำหนักของการบริหารความเสี่ยงทางการเงินจากหน่วยงานส่วนกลางในฐานะรวมศูนย์ด้านนโยบายและกลยุทธ์และให้อำนาจแก่หัวหน้างานระดับภูมิภาคบางส่วนเพื่อให้ดำเนินการได้ทันท่วงที
ประการที่ 6
หลังจากการกำหนดนโยบายได้ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับแล้ว กิจการควรจะหาทางวัดและประเมินสถานะความเสี่ยงทางการเงิน โดยรวมถึงสถานะของความเสี่ยงย่อยในด้านเครดิต ความเสี่ยงย่อยในด้านตลาด และความเสี่ยงย่อยในสภาพคล่อง โดยพิจารณาว่ามูลค่าของกิจการถูกกระทบจากความผันผวนของกระแสการไหลของเงินสด หรือความผันผวนและไร้เสถียรภาพทางการเงินมากน้อยขนาดไหนตามประเภทของสถานะของความเปลี่ยนแปลงทางการเงิน
(1) Transaction Exposure เป็นรายการในงบกำไร-ขาดทุน
(2) Translation Exposure เป็นรายการในงบดุล ส่วนที่เป็นสินทรัพย์และหนี้สิน
(3) Economic Exposure เป็นรายการที่ตีค่าด้วยค่าทางเศรษฐศาสตร์ในส่วนที่เป็นความเสี่ยงทางธุรกิจของกิจการที่มีความไวหรือความไหวตัวต่อราคาตลาด
ประการที่ 7
แหล่งข้อมูลที่จะใช้ในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินประกอบด้วย
(1) Current Trade Flow Data การไหลของธุรกรรมที่เป็นทางค้าปัจจุบัน
(2) Portfolio System Reports รายงานระบบพอร์ตด้านสินทรัพย์ลงทุนของกิจการ
(3) Accounting Information สารสนเทศจากการบันทึกบัญชี
(4) Budgeted Trade Flow Dataการไหลของธุรกรรมที่เป็นทางค้า ซึ่งกำกับด้วยวงเงินงบประมาณ
(5) Economic ExposureEstimates การประมาณการสถานะของการด้อยค่าทางเศรษฐศาสตร์
ประการที่ 8
ตัวขับเคลื่อนความเสี่ยงทางการเงินที่สำคัญของกิจการได้แก่
(1) Uncertain Markets ตลาดไม่แน่นอนหรือมีความเปลี่ยนแปลง
(2) UncertainExposure สถานะที่มูลค่าไม่แน่นอนหรือความเปลี่ยนแปลงตามตลาด
(3) Wrong Risk Measurement Methods วิธีการวัดและประเมินผลความเสี่ยงผิดพลาด
ไม่มีความเห็น