กะเพรา Holy Basil


กะเพรา เป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่ง ที่นำมาปรุงอาหารให้ได้รสชาติ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรสจัด ถึงออกเผ็ด มีอยู่หลายชนิดมาดูรายละเอียดของกะเพรากันเลยนะครับ กะเพรา ชื่ออื่น ๆ : กะเพราแดง กะเพราขาว (ภาคกลาง) ก่ำก้อขาว ก่ำก้อดำ กอมก้อขาว กอมก้อดำ(เชียงใหม่-ภาคเหนือ)ห่อตูปลู ห่อกวอซู(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ชื่อสามัญ : Sacred Basil, holy...


สรรพคุณ

กะเพราใช้แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด ให้เอาใบกะเพรามาจากตันกินสดๆได้ทันทีเลย หรือให้เอามาจิ้มน้ำพริก หรือ นำไปทำแกงเผ็ดกิน เป็นได้ทั้งยาและอาหารไป พร้อมๆ กันด้วย

กะเพราใช้แก้ปวดท้องได้ดีมากน้ำใบกะเพราเมื่อนำมาคั้นกินสด 1 ถ้วยหรือ 1 แก้ว ใช้แก้อาการ ปวดมวนในท้องได้ดีมาก

กะเพราใช้คุมธาตุได้ดีด้วย เมื่อเราใช้ใบกะเพราจิ้มน้ำพริกกิน ทำให้ท้องไส้ดี ทำงานปกติ อาจจะเผ็ดไปหน่อยแต่ก็เป็นยาดีเลย และระบบย่อยอาหารก็จะเป็นปกติดี อีกทั้งระบบทางเดินอาหารก็ปกติดี ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

กะเพราแก้กลาก และเกลื้อน วิธีใช้คือนำใบกะเพรา ประมาณ 1 กำมือ นำไปตำให้ละเอียดใส่เหล้าขาว หรือ เหล้าโรง แล้วนำไปทาบริเวณที่เป็นกลากหรือ เกลื้อน เพื่อให้ตัวยาซึมได้ดี ควรขูดผิวบริ เวณที่เป็นกลากหรือเกลื้อน ออกให้ถลอกก่อนเพราะจะทำให้ได้ผลดี

กะเพราสามารถแก้ลมพิษได้ด้วย โดยการใช้ใบกะเพรา ประมาณ 1 กำมือ นำไปตำใส่เหล้าขาว หรือเหล้าโรงทา แล้วนำไปทาบริเวณที่เป็นลมพิษ จะทุเลาหายเป็นปกติครับ

กะเพราใช้แก้แมลงสัตว์กัดต่อยได้ ให้ใช้ใบกะเพรานำไปตำใส่เหล้าขาว หรือเหล้าโรงทา แล้วนำไปทาบริเวณที่ถูกพิษแมลงสัตว์กัดต่อย จะทำให้การอักเสบจะหายทันที

กะเพราช่วยขับน้ำนม โดยการนำเอาใบกะเพรามารับประทานสด ๆ หรือจิ้มน้ำพริกหรือ แกงเลียง ให้ใส่กุ้งแห้ง หรือปลาย่างเอามาโขลกผสมกันกับกะปิ หัวหอม และพริกไทยสด แกงเลียงได้ทันที ช่วยให้สตรีหลังคลอดมีน้ำนมครับ

กะเพราใช้รักษาหูดได้ โดยใช้ใบกะเพรา ขยี้ที่ไปที่หูดบ่อยๆ วันละหลายๆครั้ง จะทำให้หูดฝ่อ และหายไปเองภายในไม่กี่วัน

กะเพราเป็นยากำจัดแมลงวันทองได้อีกด้วย โดนการใช้น้ำมันจากใบกะเพรา นำมาล่อแมลงให้มา ตอมไต่

กะเพราใช้ไล่ยุงได้ดี เพราะความฉุนของกะเพรา เราจึงนำมาไล่ยุงได้ โดยการใช้กะเพราสักกิ่ง วางไว้ตามที่ต้องการไล่ยุง หรือบริเวณที่มียุงชุม หรือใช้น้ำมันสกัดของกะเพรา จะมีเข้มข้นกว่า สามารถไล่ยุงได้ดีเลยครับ

สรรพคุณอื่นๆของกะเพรา
ใบกะเพรา ใช้บำรุงธาตุไฟธาตุ ใช้ขับลมแก้ปวดท้องอุจจาระ แก้ลมตานซาง แก้จุกเสียด แก้คลื่นใส้อาเจียน และใช้ขับลม
เมล็ดกะเพรา เมื่อนำไปแช่น้ำเมล็ดจะพองตัวเป็นเมือกขาว นำไปใช้พอกบริเวณตา เมื่อตามีผง หรือฝุ่นละอองเข้า ผงหรือฝุ่นละอองนั้นก็จะออกมา ซึ่งจะไม่ทำให้ตาเรานั้นช้ำอีกด้วย
รากกะเพรา ยังใช้รากที่แห้งแล้ว นำไปชงหรือนำไปต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการได้
น้ำสกัดทั้งต้น มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ในใบมีฤทธิ์ขับน้ำดี และช่วยย่อยไขมันและลดอาการจุกเสียดได้
ใบและกิ่งสด เมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยใช้วิธีการต้มกลั่น จะได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.08-0.10 มีราคา 10,000 บาทต่อกิโลกรัม

การปลูกกะเพรา การปลูกกะเพรานั้นสิ่งที่จะต้องเตรียมคือ

พันธุ์กะเพรา  กะเพราที่นิยมปลูกมีด้วยกันอยู่ 2 ชนิด คือ กะเพราขาว และ กะเพราแดง ซึ่งเรียกชื่อตามสีของก้านใบและก้านดอก กะเพราขาวจะออกสีเขียวอ่อน กะเพราแดงจะออกสีแดงอ่อน หรือสีม่วง ส่วนในเรื่องพันธุ์นั้นยังไม่มีการศึกษาปรับปรุงพันธุ์หรือคัดเลือกพันธุ์อย่างจริงใจในทางวิชาการ พันธุ์กะเพราที่ใช้ปลูกกันในปัจจุบันจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่มีการปลูกและเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ต่อๆ กันมา เนื่องจากกะเพราเป็นพืชที่ยังไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากนัก

การเลือกพื้นที่ปลูก กะเพราเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวไปได้เรื่อยๆ ทุก 15-20 วัน การเลือกพื้นที่ปลูกควรเป็นที่ดอน แต่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมาใช้รดได้สะดวก ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ปกติกะเพราสามารถขึ้นได้ดีในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ดีร่วนซุย ระบายน้ำดี อยู่ใกล้ที่พักอาศัย อยู่ไม่ไกลจากตลาดหรือแหล่งรับซื้อมากนัก และการคมนาคมสะดวก

การเตรียมดินปลูก กะเพราเป็นพืชที่มีระบบรากลึกปานกลาง ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ 10-15 ครั้ง ต่อระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลง กิ่งก้านแข็ง แตกยอดน้อย เมื่อถึงตอนนี้ควรจะรื้อปลูกใหม่ อย่างไรก็ดีการเตรียมดินปลูกกะเพราก็เหมือนกับปลูกพืชอื่นๆ คือไถ หรือขุดดินลึกประมาณ 20-25 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากับดินให้ทั่ว ย่อยดินให้ละเอียดแล้วพร้อมที่จะปลูกได้

วิธีการปลูก มีการปฏิบัติกันอยู่ 3 วิธี ดังนี้

1. ปลูกโดยการหว่านเมล็ด การปลูกด้วยวิธีนี้จะต้องใช้เมล็ดพันธุ์มาก ใช้แรงงานมากในการถอนแยก เริ่มจากรดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายสม่ำเสมอทั่วแปลง โดยทั่วไปใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 250 กรัมต่อไร่ ใช้แกลบขาวหรือแกลบดำโรยคลุมให้ทั่วแปลง ใช้ฟางแห้งหรือหญ้าแห้งคลุมทับบางๆ เสร็จแล้วให้รดน้ำตาม รดน้ำทุกๆ วัน งอกประมาณ 15-20 วัน ควรทำการถอนแยกให้ได้ระยะระหว่าง 20x20 เซนติเมตร

2. ปลูกโดยการใช้ต้นกล้า เป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมปฏิบัติกันมากเพราะให้ผลผลิตสูงสะดวกในการจัดการ โดยทำการเพาะกล้าในแปลงเพาะจนกระทั่งกล้ามีอายุ 20-25 วัน จึงทำการย้ายปลูก การย้ายปลูกควรทำในตอนเย็น ปลูกให้เสร็จภายในวันเดียวกัน เมื่อถอนต้นกล้ามาแล้วจึงเด็ดยอดออก ขุดหลุมให้ได้ระยะ 20x20 เซนติเมตร แล้วนำต้นกล้าที่เด็ดยอดแล้วลงปลูก ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันทีและรดน้ำทุกวัน

3. ปลูกโดยการใช้ต้นและกิ่งแก่การปลูกโดยใช้ลำต้นและกิ่งแก่ทำให้ได้ผลผลิตเร็ว แก่กิ่งและยอดที่แตกออกมาใหม่มักไม่ส่วนเท่าที่ควร ลำต้นโทรมและตายเร็ว วิธีการโดยตัดต้นและกิ่งแก่ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน ให้มีความยาว 5-10 เซนติเมตร เด็ดยอดและใบออก แล้วนำต้นหรือกิ่งแก่ไปปักชำในแปลง ใช้ระยะปลูก 20x20 เซนติเมตร ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันที ควรรดน้ำทุกวัน

การปฏบัติดูแลรักษา กะเพราเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูงและสม่ำเสมอ ควรมีการรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น แต่ระวังอย่าให้มีการท่วมขังของน้ำในแปลง ในระยะแรกควรมีการพรวนดินและกำจัดวัชพืชทุก 1-2 สัปดาห์ โดยการใช้มือถอน ใช้จอบหรือเสียมดายหญ้าออก แต่ระวังอย่าให้กระทบกระเทือนต้นและราก การใส่ปุ๋ยกะเพรานั้น หลังจากปลูก 15 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ในอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างแถวแล้วพรวนดินกลบรดน้ำตาม หลังจากปลูก 20-25 วัน ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ โดยละลายน้ำรดในตอนเย็น และหลังจากเก็บเกี่ยวทุกครั้งให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ปกติแล้วกะเพราเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีปัญหาจากการทำลายของโรคและแมลงมากนัก หากมีแมลงรบกวนจึงไม่ควรใช้สารเคมี โดยให้ยึดหลักวิธีการผลิตผักอนามัยเป็นแนวทางในการปฏิบัติ

การเก็บเกี่ยว กะเพราสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 30-35 วันหลังปลูก ใช้มีดคมๆ ตัดลำต้นให้ลำต้นเหลือสูงจากพื้นดินประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่ถ้ายังไม่มีผู้รับซื้อเกษตรกรสามารถชะลอการเก็บเกี่ยวออกไปได้โดยการเด็ดยอดที่มีดอกทิ้ง ตัดลำต้นแล้วกะเพราจะแตกยอดและกิ่งก้านออกมาใหม่ การเก็บเกี่ยวสามารถกระทำได้ทุก 15 วัน ไปตลอดระยะเวลา 7-8 เดือน หลังจากนั้นผลผลิตจะลดลงเรื่อยๆ เกษตรกรจึงควรทำการถอนทิ้งเพื่อปลูกใหม่

ผัดกะเพรา เป็นอาหารจานด่วนที่ขายดีติด top hit ของร้านอาหารตามสั่งหลาย ๆ ร้าน เพราะทำง่าย ใช้เวลาสั้น ๆ 


คำสำคัญ (Tags): #กะเพรา
หมายเลขบันทึก: 515918เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2013 20:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม 2013 20:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบกะเพรามากค่ะ แต่เพื่อนบางคนเรียกว่า "ผักสิ้นคิด"

เนื่องจาก ตอนไม่ทราบจะสั่งอาหารอะไร ก็สั่้ง... ข้าวราดผัดกะเพราะ...ก็แล้วกัน  ค่ะ  :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท