สวัสดีครับ
เป็นเวลากว่า 2 เดือนที่เขียน บันทึก"วันนี้...เราใช้เครื่องมือKMถูกทางแล้วหรือยัง? " และเขียนต่อมาอีก 2 บันทึกในชื่อเดียวกัน ทุกครั้งเมื่อดูจากจำนวนผู้เข้ามาอ่านก็มีจำนวนพอสมควร แสดงว่าประเด็นนี้ยังคงเป็นประเด็นที่มีคนสนใจค่อนข้างมาก เลยทำให้ต้องเขียนบันทึกเรื่องนี้อีกครั้ง ผมเพิ่งกลับจากกรุงเทพฯมาเมื่อวานนี้ ไปเข้าร่วมประชุมการกำหนดกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการปีงบประมาณ 2549 ที่โรงแรมมิราเคล แกรนด์เมื่อวันศุกร์ที่ 7/10/2548
ในปีงบประมาณ 2549 การประเมินผลการปฏิบัติราชการยังคงทวีความเข้มข้นมากขึ้น มีประเด็นการประเมินผลใหม่ๆ และเครื่องมือทางการบริหารใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมอีก ในขณะเดียวกันเรื่องการจัดการความรู้ก็ยังเป็นเรื่องหนึ่งที่ทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในปีงบประมาณ 2549 การจัดการความรู้จะต้องยึดโยงกับประเด็นยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ตามแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีเช่นเดียวกันกับการจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง(blueprint For Change) โดยกรอบการประเมินผลการจัดการความรู้จะใช้กรอบของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติเป็นกรอบหลัก ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างกระทรวง กรมในส่วนกลาง และโครงสร้างการบริหารส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัดและอำเภอก็จะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากทีเดียว การประเมินผลการปฏิบัติราชการของผู้บริหาร(ผู้ว่าราชการจังหวัด)จะถูกยึดโยงกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการต่างๆในจังหวัดนั้นๆและถูกถ่ายลงไปสู่ระดับบุคคลต่อไปประเด็นนี้เป็นตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการใหม่ที่ถูกกำหนดขึ้นมา
ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากและเร็วเพียงใดก็ยิ่งมีความเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ในประเด็นนี้ผมเคยยืนยันมาหลายครั้ง ก็อยากจะฝากอีกครั้งว่า ในวันนี้มีความจำเป็นที่จะต้องบริหารการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ด้วยเครื่องมือทางการบริหารที่ชื่อว่า" การจัดการความรู้ " และมีบทความวิชาการขนาดไม่ยาวนัก ประมาณ 4 หน้าอยากจะฝากให้อ่านชื่อ"การจัดการความรู้และการบริหารการเปลี่ยนแปลง"
สนใจไปที่
http://gotoknow.org/file/pornsakol/KM%20For%20Change%20Management.doc
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวกลาก มีแต่การใช้หลักวิชาการบริหารจัดการที่ชัดเจนจึงจะสามารถนำพาองค์กรและทีมงานฟันฝ่าไปได้ ในวันนี้มีแต่
1.การเชื่อมโยงการจัดการความรู้กับการปฏิบัติงานจริง (ที่ส่งผลชัดเจนต่อการเพิ่มขีดสมรรถนะของหน่วยงาน) จึงจะทำให้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง
2.การมุ่งเน้นในส่วนการจัดการความรู้อย่างเป็นองค์รวม (ขับเคลื่อนองค์กรไปด้วยกันทั้งหมด) ไม่มีการดำเนินการแบบแยกส่วนในองค์การ
3.การกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนการจัดการความรู้ในระยะยาวที่ชัดเจน (โดยสามารถกำหนดตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวได้อย่างชัดเจน) จึงจะทำให้รู้ว่าจะสามารถวัดความสำเร็จของการจัดการความรู้ได้อย่างไร
ทั้ง 3 ประเด็นนี้เป็น Key Success Factors ที่สำคัญและเป็นคำตอบสุดท้ายของการนำการจัดการความรู้ไปบริหารการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นครับ
พรสกล ณ ศรีโต
9/10/2548
ไม่ว่าประเด็นไหน ถ้าเขียนโดยอาจารย์ใครๆก็อยากจะเข้ามาอ่านทั้งนั้นแหละครับ ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่อาจารย์ถ่ายทอดให้มาโดยตลอด
(ขอโทษนะครับที่ไม่ลงชื่อ เดี๋ยวพวกจะว่าพูดเอาใจอาจารย์)
พี่พรสกลเขียนได้น่าอ่านมากค่ะ
จะแวะเข้ามารับความรู้บ่อยๆค่ะ