วันนี้เวลา ตั้งแต่ 08.00 น.ถึง 09.30 น.พาเพื่อนผู้ป่วยฝึกพลิกฝ่ามือระลึกรู้ลมหายใจของตนเอง
อธิบาย และสาธิต การหายใจที่ถูกวิธี ก่อนเริ่มได้มีการทักทายพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเนียน
และปิดช่องว่างระหว่างด้วยโจทย์ชวนให้นึกคิดถึงว่าเมื่อคืนก่อนหลับหายใจเข้า หรือหายใจออก
ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน คลายความวิตกกังวล ปล่อยกายสบายๆ ทำใจให้โล่งสบาย
ด้วยการหายใจเข้า ก็รู้สึกตัว นิ่งก็รู้สึกตัว และหายใจออกก็ให้รู้สึกตัว
หากมีความคิดจรเข้ามาเช่นกังวลถึงลูกหลานที่ต้องมานั่งรอคอย
ก็ให้เร่งระลึกรู้ลมหายใจ และปล่อยวางเพื่อวันหน้าจะได้ช่วยตัวเองได้
ไม่ต้องให้ลูกหลานมันลำบากใจตามที่กำลังรู้สึกตัว อันที่จริงลูกหลานก็เต็มใจ และห่วงใยถึงได้พามา
หรือมาเป็นเพื่อน ผู้ป่วย 4 คนแรกเป็นโรคเบาหวาน อีก1 คนเป็นหัวใจกับเบาหวาน
นอกนั้นเป็นผู้ป่วยที่มีสามสหาย(เบาหวานความดันไขมัน)
มาขอร่วมชีวิตพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย จำนวน 10 คน
หลังจบกิจกรรมได้ร่วมวัดความดัน ในจำนวนผู้ป่วยกลุ่มนี้มี 1 ราย
ความดันหลังทำสมาธิบำบัดลดลงทั้งตัวบน ตัวล่าง การเต้นของหัวใจก็ลดลง
ได้ทำการวัดใหม่อีก 2 ครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง ก็เป็นเช่นเดิม
เพื่อนผู้ป่วยรายนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีมากไม่มีความวิตกใด
เฝ้าระวังการลุกขึ้นยืนเห็นการทรงตัวดี และภายหลังถูกส่งตัวไปหาสาเหตุที่ความดันลดลงมาก
..เออหนอลดลงมากก็น่าเป็นห่วง ขึ้นมากก็ไม่ดี ทุกอย่างบนโลกใบนี้ อะไรที่ธรรมดาๆ พอดีๆ กลางๆ
มันคงดีที่สุดแล้ว
มีเพียง 1 รายที่นิ้วเท้าพันผ้าผันแผล อยู่ระหว่าการรักษาแผลเบาหวาน
ความดันสูง ทั้งตัวบนและล่างไม่ลดลง
แต่การเต้นของหังใจเข้าสู่สภาวะปกติดีกว่าก่อนเริ่มทำสมาธิบำบัด
ผู้ป่วยที่เหลือมีความดันลดลง สอบถามและสนทนาเพิ่มเติมจึงได้รู้ว่าเป็นผู้ปฏิบัติสมาธิอยู่แล้ว
เนื่องจากอายุก็สูงวัย การตระหนักรู้ในตนเองก็อาจจะมีอยู่แล้ว ก็เพียงมาปรับวิธีการหายใจ
และการออกกำลังกายให้เหมาะกับตนเองให้ได้ประโยชน์สูงสุดเท่านั้นเอง
รวมทั้งการรับความรู้เพื่อดูแลตนเองให้ถูกต้อง ทั้งเรื่องอาหาร การบริหารจิตใจ การออกกำลังกาย
ทำอย่างมีสติที่จะระลึกรู้ลมหายใจของตนเองให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
แม้ว่ากายทุกข์ แต่จิตใจต้องไม่ทุกข์ตามจึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดที่สามารถดูแลตนเอง ให้มีความสุขได้
ขอบคุณค่ะ
ไม่มีความเห็น