“สัญญาใจ” ที่มากกว่าพิธีกรรม
เกศินี จุฑาวิจิตร
แม้ว่าพวกเราจะผ่านงานใหญ่ๆ มามากมาย ทั้งระดับชาติและนานาชาติ ทั้งในฐานะผู้จัดงานและผู้ร่วมงาน แต่เมื่อต้องมาเตรียมงานพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการนครปฐม: นครแห่งความผาสุกทุกชุมชนท้องถิ่น” ก็ยังอดตื่นเต้นและพะวักพะวงไม่ได้
กำหนดการได้ถูกวางไว้อย่างกระชับเรียบง่าย ทว่าจงใจให้ดูจริงจัง เคร่งขรึม เราเลือกที่จะใช้ “ศาลาเฟื่องฟ้ารมณีย์” ที่แวดล้อมด้วยสวนสวย เป็นสถานที่จัดงานแทนการใช้ห้องประชุมหรู วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาประดับประดาก็ล้วนสรรหามาแบบ “ตามมี ตามได้” ทั้งสิ้น ด้วยหวังให้ไม่ทำร้ายธรรมชาติ
สีส้มจัดของ “ลูกฟักข้าว” ที่ถูกนำมาเกาะเกี่ยวอยู่รอบต้นไทรเขียวทรงสามเหลี่ยม ชวนให้นึกถึงกลิ่นไอของความสุขในช่วงคริสต์มาศและปีใหม่ กล้วยไม้หลากสีถูกแขวนอยู่ประปรายบนราวริมระเบียง ทุกกลีบดอกล้วนบ่งบอกถึงความเข้มแข็งและคงมั่นในอุดมการณ์ ส่วนต้นปรือหรือธูปฤาษีนั้นเล่า ...สำหรับฉัน มันหมายถึงรากเหง้าของเรา ตัวตนและคนรากหญ้า
แรกเช้าของวันงาน เมื่อละสายตาออกจากศาลาไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งของถนน ฉันเห็นผู้คนมากมายสาละวนอยู่กับการจัดตกแต่งซุ้มของตนเอง... มากหน้าหลายตาล้วนเป็นตัวแทนของตำบลที่มาร่วมเปิดทุนและศักยภาพกับงานมหัศจรรย์ 20 ตำบลผาสุก ... ละลานตากับความหลากหลายของชุดแต่งกายประจำชาติพันธุ์และประจำพื้นถิ่น แม้อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเองที่เข้าไปทำงานในแต่ละตำบลก็ยังแต่งตัวกลมกลืนกับพื้นที่อย่าง นึกสนุก ทั้งยังชี้ชวนและชื่นชมระคนขำขันกันเองอย่างเซ็งแซ่
ลานสวนหย่อมที่มีถนนอยู่คดเคี้ยวนั้น ถูกจับจองแทบทุกตารางนิ้ว สังเกตได้ว่าถ้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรใดมีนายกหรือผู้บริหารที่เป็นนักจัดการ ซุ้มของตำบลนั้นก็ดูจะมีสีสันและมีการนำเสนอที่เร้าใจมากกว่า
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า ไม่มีอะไรดีๆ มาโชว์ แต่อยู่ที่การบริหารจัดการทุนและศักยภาพนั้นต่างหาก แม้แต่ละตำบลจะมีต้นทุนไม่เท่ากัน แต่ทุนของนครปฐมโดยภาพรวมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจังหวัดอื่นใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะร่วมกันเรียนรู้ แปรเปลี่ยนหรือต่อยอดทุนเหล่านั้นต่อไปอย่างไร
“ทุน” อันหมายถึง ความดี ความงามที่มีอยู่ในพื้นที่ ทั้งในแง่ของบุคคล ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาและทรัพยากรธรรมชาติ ส่วน“เรา” ในที่นี้ คือ ทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการชาวมหาวิทยาลัย แกนนำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่จักรกลที่สำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรง ก็คือ ภาคท้องถิ่น อันหมายถึง “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)” ถ้าท้องถิ่นไม่เข้ามาเป็นตัวหลัก ไม่ทำหน้าที่หลักของตนเอง คงปล่อยให้ภาคประชาชนเดินอยู่เพียงลำพังแล้ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะอ่อนล้า จริงอยู่เราอยากเห็นภาคประชาชนที่เข้มแข็ง แต่เราก็อยากเห็นความร่วมมือและการทำหน้าที่ในการเป็นเจ้าภาพหลักของท้องถิ่นด้วยเหมือนกัน
การลงนามความร่วมมือระหว่างนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 20 แห่งกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา นับเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการทำงานร่วมกับท้องถิ่นในช่วงที่ผ่านมาปีเศษๆ กับโครงการนครปฐม: นครแห่งความผาสุกทุกชุมชนท้องถิ่น
แทบทุกองค์กรเปิดใจ การร่วมงานกันทำให้พวกเขารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ชัดและเห็นจริงว่าอะไรบ้างคือทุนและศักยภาพของตำบล
การทำงานในช่วงต่อจากนี้ คือการยกระดับให้ทุนและศักยภาพเหล่านี้แข็งแกร่งมากขึ้น มีเวทีที่จะได้พูดคุยกันและทำงานกันอย่างเชื่อมโยง เด็กๆ จะได้เรียนรู้วิธีคิด วิถีชีวิตและการทำงานจากผู้ใหญ่ ปราชญ์ชาวบ้านและผู้นำชุมชน พวกเขาจะได้ซึมซับจิตวิญญาณความรักในบ้านเกิดและพื้นถิ่น มีจิตสาธารณะ เป็นธุระให้แก่ชุมชนอย่างไม่นิ่งดูดาย
...ชุมชนไม่ทอดทิ้งกัน.. นี่อย่างไรเล่า...วิถีแห่งความผาสุก
ในวันนั้น ท่านสมพร ใช้บางยาง ประธานคณะกรรมการแผนคณะที่ 3 พูดชัด เจตนารมณ์ของ สสส. อยู่ที่การเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้มหาวิทยาลัยเข้ามาทำงานกับท้องถิ่น นำความรู้มาต่อยอด หนุนเสริมชุมชน พัฒนาศักยภาพแกนนำและคนทำงาน โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันและการเรียนรู้จากพื้นที่อื่นๆ ในขณะที่ “พี่ด้วง” ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ช่วยตอกย้ำความสำคัญของการจัดระบบฐานข้อมูลตำบล และการใช้นโยบายสาธารณะ 7 ประเด็นมาเป็นหลักไมล์ในการก้าวเดินเพื่อการขับเคลื่อนอย่างมีทิศทาง รวมทั้งการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเครือข่ายที่มีพลัง
การได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอกเช่นนี้ ... ฉันว่า นี่ก็คืออีกหนึ่งต้นทุนของจังหวัดนครปฐม
ในวันนั้นเราใช้เวลาในการพูดคุยและลงนามอยู่ประมาณครึ่งวัน ก็เป็นอันเสร็จพิธี “พิธีกรรม” จบลงแล้วอย่างสวยงาม “สัญญาใจ” เท่านั้นยังคงพลุ่งพล่าน
ตามมาเชียร์การทำงาน หายไปนานเลยครับท่านรองฯ