เครื่องหมายสวัสดิกะ swastika
เครื่องหมายสวัสดิกะเป็นสัญลักษณ์โบราณเก่าแก่ สืบสาวเรื่องราวย้อนหลังกลับไปได้หลายพันปี เป็นเครื่องหมายที่ปรากฏโดยทั่วไปในหลายๆ อารยธรรมของโลก เป็นเครื่องหมายที่สื่อถึงความเชื่อทางศาสนา สื่อถึงความสุขสวัสดี ศานติ มีชัย สื่อถึงดุลยภาพ การสอดประสาน กลมกลืน สื่อถึงการหมุนไปของวัฏจักรดินน้ำลมไฟ เป็นต้น เครื่องหมายนี้ได้ถูกบิดเบือนความหมายไปเมื่อนาซีฮิตเล่อร์ต้องการสร้างจักรวรรดิเยอรมันที่ยิ่งใหญ่
ถ้าลองแปลความหมายเพื่อพยายามเข้าถึงรากที่มาของเครื่องหมายนี้โดยการใช้แนวคิดทางโหราศาสตร์ไทยบางเรื่อง เช่น
๑) ครูโหรท่านเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อธาตุต่างๆ จากสุริยจักรวาลเดินทางมาถึงโลก และเข้าปะทะกับการหมุนของโลก ธาตุเหล่านั้นจะแสดงความเหมือนกันในสภาวะที่สามารถจัดแบ่งเป็นคู่ๆ ดังนี้
ธาตุภาคกลางวัน ธาตุภาคกลางคืน
ธาตุอาทิตย์ ๑ ธาตุจันทร์ ๒ แสดงสภาวะเช่นธาตุไฟ
ธาตุอังคาร ๓ ธาตุศุกร์ ๖ แสดงสภาวะเช่นธาตุน้ำ
ธาตุพุธ ๔ ราหู ๘ แสดงสภาวะเช่นธาตุลม
ธาตุพฤหัส ๕ ธาตุเสาร์ ๗ แสดงสภาวะเช่นธาตุดิน
๒) ขณะเดียวกันธาตุในธรณีท่านก็ได้จัดแบ่งเป็นคู่ๆ เช่นกันดังนี้
ธาตุเบา ธาตุหนัก
ธาตุอาทิตย์ ๑ เสาร์ ๗ แสดงสภาวะธาตุไฟ
ธาตุศุกร์ ๖ พุธ ๔ แสดงสภาวะธาตุน้ำ
ธาตุราหู ๘ อังคาร ๓ แสดงสภาวะธาตุลม
ธาตุจันทร์ ๒ พฤหัส ๕ แสดงสภาวะธาตุดิน
ทั้งแปดธาตุธรณีมีการจัดเรียงธาตุเวียนขวา เช่นข้างล่าง จากธาตุ ๑ ไป ๒ ไป ๓ เรื่อยจนถึง ๖
๑ ๒ ๓
๖ ๔
๘ ๕ ๗
โดยธาตุ ๘๖๑๒ คือธาตุลม-น้ำ-ไฟ-ดิน ที่ละเอียดเบาอยู่บน และ ๓๔๗๕ คือธาตุลม-น้ำ-ไฟ-ดิน ที่หยาบหนักอยู่ล่าง
ถ้าเราจินตนาการด้วยการออกแบบผสมคู่ธาตุตามความรู้ในข้อหนึ่งและสอง เป็นแนวแกนหลักและแกนรอง ดังนี้
แบบแรก
ในประเภทนี้จัดให้คู่ธาตุไฟและธาตุดินที่เกิดจากการหมุนของโลกเป็นแกนหลักให้อยู่ในแนวตั้ง ส่วนคู่ธาตุลมและธาตุน้ำที่เกิดจากธาตุธรณี เป็นแกนรองให้อยู่ในแนวนอน ซึ่งอาจจัดแบ่งได้เป็นสองลักษณะ คือ
ลักษณะที่ ๑ เวียนขวา
๔ ๖ ๒
๕ ๑
๗ ๓ ๘
๗๕ คือธาตุดิน และ ๒๑ คือธาตุไฟจากระบบการหมุนของโลก เป็นแกนหลักในแนวตั้ง ๔๖ คือธาตุน้ำ และ ๘๓ คือธาตุลมจากระบบธาตุธรณี เป็นแกนรองในแนวนอน พอเรียงธาตุเวียนขวาจะได้ น้ำ (๔๖) - ไฟ (๒๑) - ลม (๘๓) - ดิน (๗๕)
ถ้าลากเส้นที่หนึ่งเริ่มจากธาตุไฟ ๒ ไปหา ๑ ผ่านศูนย์กลางข้ามไปธาตุดิน ๕ และสิ้นสุดที่ ๗ และอีกเส้นลากจากธาตุน้ำ ๔ ไปหา ๖ ผ่านศูนย์กลางข้ามไปธาตุลม ๓ สิ้นสุดที่ ๘ จะเกิดรูปการหมุนจักรสวัสดิกะแบบเวียนขวา ยึดตามทิศทางที่ธาตุพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง
และเมื่อจักรหมุนไปก็จะทำให้เกิดการทำงานของของสภาวะธาตุที่เกิดจากโลกหมุนผสมกับสภาวะธาตุธรณีขึ้นมาสองกลุ่มคือ ๔๒๘๗ และ๖๑๓๕ หมุนซ้อนกันแบบเวียนขวาเช่นกัน
กลุ่มธาตุดาวสองกลุ่มนี้สอดคล้องกับการจัดกลุ่มธาตุมาตรฐานราชาโชคในโหราศาสตร์ไทย ที่มีการแบ่งกลุ่มธาตุนี้ออกเป็นสองกลุ่ม คือฝั่งราศีภาคกลางวันประกอบด้วยธาตุดาวคู่สมพลสองคู่ ๔๒๘๗ วางตัวในราศีสิงห์-กันย์-ตุลย์-พิจิก ตามลำดับ และฝั่งราศีภาคกลางคืนประกอบด้วยธาตุดาวคู่สมพลอีกสองคู่ ๖๑๓๕ วางตัวในราศีกรกฏ-มิถุน-พฤศภ-เมษ ตามลำดับ
ลักษณะที่ ๒ เวียนซ้าย
๕ ๓ ๘
๗ ๒
๔ ๖ ๑
ถ้าสลับตำแหน่งของคู่ธาตุลมและธาตุน้ำของระบบธาตุธรณี เพื่อให้เวียนซ้ายจะได้ น้ำ (๔๖) – ไฟ (๑๒) - ลม (๘๓) - ดิน (๕๗)
เมื่อลากเส้นจากไฟ ๑ ไป ๒ ข้ามไปธาตุดิน ๗ สิ้นสุดที่ ๕ และอีกเส้นลากจากธาตุน้ำ ๔ ไป ๖ ข้ามไปยังธาตุลม ๓ สิ้นสุดที่ ๘ จะเกิดรูปสวัสดิกะหมุนแบบเวียนซ้าย ยึดตามทิศทางที่ธาตุพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง
และเมื่อจักรหมุนจะทำให้เกิดการทำงานของสภาวะธาตุที่เกิดจากโลกหมุนผสมกับสภาวะธาตุธรณีในอีกแบบ
คือ ๔๑๘๕ และ๖๒๓๗ หมุนซ้อนกันแบบเวียนซ้ายเช่นกัน
การตั้งรูปแบบธาตุที่ให้ธาตุไฟกับธาตุดินที่เกิดจากการหมุนของโลกเป็นแกนหลักและธาตุลมกับธาตุน้ำที่เกิดจากธาตุธรณีเป็นแกนรองอาจทำให้การหมุนจักรเป็นไปอย่างคล่องตัวเหมือนพายเรือไปตามกระแสน้ำ หรือเรียกว่าการหมุนแบบราชาโชค ได้หรือไม่?
สุพัฒน์ เจริญสรรพพืช
วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เวลา ๒๒.๕๐ น. จันทบุรี
ไม่มีความเห็น