เหรียญสองด้าน


จึงไม่แปลกที่ปราชญ์โบราณจะหยิบยกเอาเหรียญขึ้นมาเปรียบเทียบเพื่อให้เราได้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิตที่มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ที่น่าแปลกคือทำไมปราชญ์โบราณถึงมองเห็นเหรียญแค่เพียงสองด้านแล้วเลือกที่จะโชว์เหรียญแค่เพียงด้านเดียวเท่านั้น ถ้าเลือกด้านหน้าที่ดีงามก็จะไม่เห็นด้านหลังที่เลวร้าย และน้อยคนนักที่จะเลือกเอาเหรียญด้านหลังมาโชว์โออวด ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหรียญด้านหลังที่เลวร้ายจึงถูกเก็บซ่อนเร้นไว้ภายในตัวของมันเอง แม้เราจะเก็บมันซ่อนเร้นไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่พลังแห่งความเลวร้ายของมันก็จะสะท้อนถึงความเลวร้ายของมันออกมาให้เราเห็นตามธรรมชาติของมันอยู่วันยังค่ำเพราะนั้นเป็นธรรมชาติของมัน

เหรียญสองด้าน

เรามักได้ยินอยู่เสมอกับคำพูดที่ว่าเหรียญมักมีสองด้าน ด้านหนึ่งคือเปรียบเทียบส่วนที่ดีงามและอีกด้านหนึ่งเปรียบเทียบถึงส่วนที่ไม่ดีงามของชีวิต นั้นคือการหยิบยกเอาเหรียญมาเปรียบเทียบเพื่อให้คนได้มองเห็นว่าแท้จริงแล้วชีวิตของคนเรามีสองด้านอยู่เสมอ เมื่อคนส่วนใหญ่ต่างพากันเข้าใจและเชื่อว่าชีวิตเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้านที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของชีวิต ด้านหน้าของเหรียญที่สวยงามเราเรียกว่าด้านดีหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าด้านหัว แต่ด้านหลังของเหรียญที่ไม่ได้สวยงามมักถูกเก็บและปิดซ่อนไว้ด้านหลังอยู่เสมอเราเรียกด้านหลังนี้ว่าด้านก้อย

เหรียญที่นำมาโชว์ไว้ส่วนใหญ่มักจะโชว์โออวดถึงด้านหน้าที่สวยงามเสมอนั้นคือส่วนที่เป็นหัว เพราะเราต่างก็เชื่อว่าด้านหลังที่ไม่สวยงามนี้เราจะต้องเก็บซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นเป็นเด็ดขาด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคนส่วนใหญ่มักมองผ่านไป ด้านหลังที่ไม่ได้สวยงามนั้นดูไม่น่าสนใจที่จะศึกษาเฉกเช่นด้านหน้าที่สวยงามดูแล้วต้องตาต้องใจเป็นยิ่งนัก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหรียญที่เป็นด้านหลังถึงแม้จะไม่ได้สวยงามหรือดีเด่นพอที่จะสู้ด้านหน้าได้ก็ไม่มีโอกาสที่จะถูกนำมาโชว์ เพราะต่างก็เชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีต้องก็ต้องปิดบังซ่อนเร้นไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ในความเป็นจริงของชีวิตแล้วมีใครบ้างที่จะปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ได้ตลอดเวลา สักวันหนึ่งก็จะมีคนมาเห็นซึ่งตำหนิที่เราซ่อนเร้นเอาไว้

เมื่อเหรียญสะท้อนถึงแก่นแท้ของชีวิตที่มีสองด้านแล้วชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกขณะโดยไม่ต้องรอเทศกาลใดๆ เพราะมันจะเป็นไปตามมิติของช่วงแห่งกาลเวลาหนึ่งๆ ซึ่งมีเรื่องราวมากมายที่เข้ามาในชีวิตของคนเราและมีเรื่องดีๆ ไม่น้อยที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเพียงแค่เราเพ่งมองสายตาไปในสิ่งดีๆและสวยงามของชีวิตเท่านั้น ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุข

ขณะเดียวกันในความเป็นจริงของชีวิตมีใครบ้างที่ชีวิตมีแต่ความสุขล้น ไม่มีเลย ดังนั้นในยามที่ชีวิตพบเจอกับปัญหาอุปสรรค คนส่วนใหญ่มักเกิดอาการท้อแท้ หดหู่จนถึงขั้นเกิดอาการเป็นมลพิษทางอารมณ์ ปัญหาบางอย่างความทุกข์บางชนิดก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังกับชีวิตเรา หากเพียงแต่เพราะเราใช้สายตาไปจับจ้องมองแต่สิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตขณะนั้นของเรา เรามักจะมานั่งโกรธแล้วใช้อารมณ์ให้ความรู้สึกหมดเปลืองไปกับสิ่งที่เราไม่พึงพอใจในสิ่งที่เราทุกข์ใจ และเราคงห้ามไม่ได้สำหรับสิ่งเลวร้ายต่างๆ บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ทุกช่วงขณะของชีวิต

จึงไม่แปลกที่ปราชญ์โบราณจะหยิบยกเอาเหรียญขึ้นมาเปรียบเทียบเพื่อให้เราได้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิตที่มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ที่น่าแปลกคือทำไมปราชญ์โบราณถึงมองเห็นเหรียญแค่เพียงสองด้านแล้วเลือกที่จะโชว์เหรียญแค่เพียงด้านเดียวเท่านั้น ถ้าเลือกด้านหน้าที่ดีงามก็จะไม่เห็นด้านหลังที่เลวร้าย และน้อยคนนักที่จะเลือกเอาเหรียญด้านหลังมาโชว์โออวด ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหรียญด้านหลังที่เลวร้ายจึงถูกเก็บซ่อนเร้นไว้ภายในตัวของมันเอง แม้เราจะเก็บมันซ่อนเร้นไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่พลังแห่งความเลวร้ายของมันก็จะสะท้อนถึงความเลวร้ายของมันออกมาให้เราเห็นตามธรรมชาติของมันอยู่วันยังค่ำเพราะนั้นเป็นธรรมชาติของมัน ถึงเวลานั้นเมื่อเราได้รับได้สัมผัสกับด้านที่เลวร้ายของมันเราก็จะกลับมาให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  เราจึงกลับมาเริ่มค้นหาว่าทำไม เพราะอะไร เราต่างก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมายเพื่อที่จะหาคำตอบให้กับมันบางคำตอบอาจดูเลวร้ายและยิ่งทำให้เราแย่ลงกว่าเดิมมีความทุกข์ใจเพิ่มขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักเอาตัวเองเข้าไปพัวพันหรือมีปฎิกิริยาโต้ตอบต่อปัญหาเหล่านั้นอย่างรุนแรง เคร่งเครียดจนทำให้ตัวเองและคนรอบข้างหาความสุขสงบในชีวิตได้ยากในยามที่เจอกับมันในด้านที่เลวร้ายของชีวิต

ทั้งนี้เป็นเพราะปราชญ์โบราณไม่ได้หยิบยกเอาเหรียญทั้งสองด้านมาโชว์ไว้ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จึงทำให้น้อยคนนักที่จะหยิบยกเอาเหรียญทั้งสองด้านมาโชว์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจงเปลี่ยนความคิดที่จะเลือกโชว์เหรียญด้านใดด้านหนึ่งเสียที แต่ให้เราเลือกเอาเหรียญมาโชว์ไว้ให้เห็นทั้งสองด้านในเวลาเดียวกันเพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นจริงของชีวิตที่มีสองด้านเพื่อสะท้อนถึงการรักษาซึ่งความสมดุลของชีวิตนั้นเอง เพราะชีวิตที่ขาดสมดุลย่อมนำพามาซึ่งปัญหาเช่นกัน

ในชีวิตของเราที่เปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้านที่ต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิตที่มีด้านดีกับไม่ดีและด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เราจำเป็นจะต้องนำเหรียญมาโชว์ไว้ให้เห็นทั้งสองด้านในเวลาเดียวกัน  ซึ่งไม่มีวิธีการไหนที่จะทำให้เราสามารถรับมือกับสิ่งเลวร้ายของชีวิตได้ดีเท่ากับการที่เราได้รู้เขารู้เราลบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งตามสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ และทำหัวใจของเราให้ได้ผ่านการChangeนั้นเอง

เปลี่ยนความคิดที่จะโชว์เหรียญด้านเดียวได้แล้ว คือหมายถึงการที่เรารู้จักเอาเหรียญมาโชว์ไว้ทั้งสองด้านให้เห็นในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เราได้ศึกษาอีกด้านหนึ่งที่เลวร้าย เพราะฉันเชื่อว่าในด้านที่เลวร้ายมักมีสิ่งดีๆตามมาเสมอเช่นกัน หากเราเปลี่ยนเอาความเลวร้ายนั้นมาใช้เป็นภูมิคุ้มกันของชีวิตเล่ามันจะดีกับเราชีวิตสักแค่ไหน ในเมื่อความจริงของชีวิตคนเราชีวิตย่อมเกิดปัญหาและอุปสรรคและไม่มีวิธีการหรือหนทางใดจะช่วยเราแก้ไขปัญหานั้นได้ดีเท่ากับการที่เรารู้จักการเปลี่ยนแปลง

  Change and Change...เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเปลี่ยนจนกว่ามันจะได้ดีที่สำคัญชีวิตของเราอย่าได้ไปกลัวการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมื่อชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงทุกชั่วขณะ จงเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนหัวใจเสียใหม่ทำหัวใจของเราให้ผ่านด้วยการ Change เพราะการเปลี่ยนแปลงนำพาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ตามเสมอ


หมายเลขบันทึก: 511520เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2012 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม 2012 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชอบการเขียนแนวนี้มากนะคะพี่มณีเทวาเป็นกำลังใจให้นะคะ รับไปเลยค่ะดอกไม้สวยๆๆอิอิ...


ได้ความรู้เยอะมากเลยคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท