จะหิ้วหรือจะแบก?


จะหิ้วหรือจะแบก

  เชื่อหรือไม่ว่ามีคนจำนวนมากเมื่อครั้นเวลาที่ตัวเองกำลังประสบกับความผิดหวัง ความเสียใจ หรือพบกับความล้มเหลวของชีวิต ท่ามกลางอุปสรรคของปัญหาชีวิตนั้น คนเราส่วนใหญ่มักเกิดอาการอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “จิตตก” ความคิดนี่แหละที่ทำให้จิตตกคิดจนกลายเป็นความฟุ้งซ่านคิดจนหาสาระไม่ได้เลย ทั้งหมดเป็นเพราะเราคิดที่จะแบกความรู้สึกเหล่านั้นไว้กับตัวของเราเอง เราไม่ย่อมปล่อยวางมันสักทีเราก็ต้องแบกไว้อย่างนี้แหละ เหมือนอย่างที่บอกว่าชีวิตคือการเดินทางในป่าใหญ่ เหนื่อย ร้อน ขวากหนามที่มาขว้างกั้นคอยตำแทงตัวเรากับสิ่งที่เราแบกมา เดินทางไปด้วยแบกของไปด้วยยิ่งเหนื่อยก็ยิ่งท้อแท้ แล้วก็หันไปโทษดวงชะตาฟ้าลิขิต

  คนเราเมื่อเวลาพบกับปัญหาหรือความทุกข์มักจะท้อแท้สิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากมองย้อนดูชีวิตของตัวเองแล้วเราจะพบกับความจริงที่ว่าเราทุกข์เพราะเราเอาใจของเราไปแบกมันไว้นั้นเอง พอชีวิตเราเจอกับความผิดหวังเข้ามาหน่อยหนึ่งเรากลับคิดไปว่ามันไม่ดีมันคือความทุกข์ที่คิดแบบนั้นเป็นเพราะเราเอาใจของเราไปแบกทุกข์ไว้จนไม่ย่อมปล่อยวาง เรากลับเอาความผิดหวังนั้นมาทำให้เราต้องทุกข์ใจ เสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายจนกลายเป็นคนคิดมากคิดจนกระทั่งเราจิตตกไป ในช่วงเวลาดังกล่าวเรามักปล่อยให้ความรู้สึกนั้นมาแบกไว้ที่ตัวเรา

  อันที่จริงแล้วความผิดหวังหรือว่าความทุกข์ของคนเรานั้นมาจากสาเหตุที่สำคัญอยู่สองประการคือ เมื่อเรากำลังมีความสุข เราต้องการให้ช่วงเวลานั้นมันคงอยู่กับเราตลอดไป แต่เมื่อพบกับความเจ็บปวด เรากลับต้องการให้มันผ่านพ้นไปให้โดยเร็วที่สุดทันที แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดอย่างที่เราต้องการ แต่มันกลับเป็นในสิ่งที่มันจะเป็นซึ่งเราจะไปควบคุมกำกับมันไว้ก็ไม่ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของชีวิตกับการเปลี่ยนแปลงเพราะชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คนเราพออะไรที่ไม่ได้ดั่งใจดั่งที่คิดและวาดหวังไว้ มักจะทุกข์มักจะเหนื่อยใจแต่แท้จริงแล้วที่เราเหนื่อยเพราะเราลืมมองตัวเราเอง เราลืมใช้สิติปัญญาว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เราแบกมามันไม่ได้ก่อเกิดประโยชน์หรือสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตเราเลย เราจะแบกมันเอาไว้ทำไมความทุกข์ ทำไมไม่ปล่อยวางหรือกลัวว่าตัวเองจะเบาแล้วทำให้เดินสบายขึ้นอย่างนั้นหรือ

  ปัญญาบางอย่างแม้ว่ามันจะปล่อยวางไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่ในทางกลับกันคนที่มีสิติปัญญาเขาแค่หิ้วเอาไว้เท่านั้นเอง พวกเขาไม่ได้คิดที่จะแบกความทุกข์หรือแบกปัญหานั้นให้หนักเช่นเราเลย ไม่ต้องมาออกแรงให้เหนื่อยแบบเรา เพราะแบกต้องใช้มือทั้งสองข้างที่คอยประคับประคองเอาไว้ไม่ให้มันตกไปจากไหล่จากบ่าของเรา หิ้วแค่ใช้มือข้างได้ข้างหนึ่งก็สามารถหิ้วเดินไปไหนได้อย่างสบาย ใช้แค่สองนิ้วก็สามารถหิ้วไปได้เช่นกัน  ลองคิดดูซิเวลาที่เราแบกของหนัก ๆ มาเมื่อเดินไปสะดุ้งกับอะไรบางอย่างอาจจะเป็นแค่เพียงเศษก้อนหินก้อนดินมันอาจทำให้เราเสียหลักล้มลงไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น เพราะแรงโน้มถ่วงของน้ำหนักที่เราแบกไว้บนไหล่ของเรานั้นเอง

  ชีวิตคนเราก็เช่นกันในยามที่มีปัญหาของชีวิต ขออย่าได้คิดเอาปัญหานั้นมาแบกให้หนักกายให้ทุกข์ใจอีกเลย จงทำใจให้ยอมรับกับความผิดหวังและความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้ได้ อะไรที่มันเสียแล้วก็ให้มันเสียไป อย่าเฝ้าคร่ำครวญเรียกหาถึงในสิ่งที่เราได้เสียมันไปหรือในสิ่งที่เราเรียกคืนกลับมาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นของรักของหวง แก้วแหวนเงินทอง อำนาจและชื่อเสียง ศักดิ์ศรีและเกียรติยศ  หยุดแบกสรรพสิ่งเหล่านี้สักทีเพราะชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงเป็นที่สุด เราไม่ควรคิดมากกังวล สับสนจนกลายเป็นจิตตกเสียที ขอเพียงแค่เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงทุกช่วงขณะของชีวิตเรา ทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเราสรรพสิ่งก่อเกิดแล้วเปลี่ยนแปลงไปเป็นการดับสิ้นหรือสูญสลายไปในที่สุด

  เริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่กับวันนี้ที่เรายังหายใจอยู่กับวันนี้ที่เราเป็นอยู่ ไม่ย้ำคิด ไม่พูด ไม่รื้อฟื้นความหลังที่สร้างความทุกข์ใจให้กับเรา พูดง่าย ๆ ก็คือไม่แบกความทุกข์นั้นไว้กับเราอีก หากเรายังคิดที่จะแบกสิ่งเหล่านั้นไว้กับเราอีก แน่นอนที่สุดว่าเราจะต้องจิตตกเป็นแน่แท้เพราะมันจะทำให้เราเกิดความท้อแท้ หมดหวังกำลังใจ ทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ หรือมันอาจจะทำให้ทุกสิ่งที่มีอยู่กลับเลวร้ายลงไปกว่าเดิม เช่นเดียวกันกับชีวิตในยามที่พบเจอกับปัญหาเราไม่ควรแบกปัญหาหนึ่งเอาไว้เพื่อให้เจอกับปัญหาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเรานั้นเอง

  เมื่อเกิดมาในโลกที่สับสนวุ่นวายและถูกเย้ายวนด้วยสารพัดของปัญหาชีวิตที่ทำให้ทุกข์นั้น หากเราไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์และความคิดของเราไว้ได้ ตราบใดที่เรายังแบกปัญหาอยู่ชีวิตเราก็ต้องวนเวียนกับความทุกข์ไม่มีสิ้นสุด สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ความทุกข์ของเราลดน้อยลดนั้นก็คือการที่เราคิดที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นเอง เปลี่ยนจากที่แบกที่มันหนักกว่าให้มันเป็นเพียงแค่การหิ้วไปอย่างธรรมดานั้นเอง แม้ปัญหาบางอย่างที่เราปล่อยว่างเอาไว้ไม่ เราเพียงแค่ปล่อยวางจากไหล่จากบ่าของเราที่กำลังแบกอยู่ให้เป็นแค่เพียงการหิ้วหรือการถือไปอย่างสบาย ๆ ก็เพียงพอแล้ว

  ชีวิตทุกชีวิตมิได้เกิดมาเพื่อที่จะรับเอาแต่อุปสรรคหรือรับเอาแต่เพียงปัญหาที่ทำให้ทุกข์ใจเท่านั้น เรายังต้องมีความสุขด้วยท่ามกลางเปลี่ยนแปลงของชีวิตนั้น เหมือนดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าแท้จริงแล้วที่คนส่วนใหญ่มักเป็นทุกข์เพียงเพราะเส้นผมบังภูเขาเท่านั้นเองที่ลืมสติไป ลืมไปว่าแก่นแท้ของชีวิตคนเรานั้นคือการเปลี่ยนแปลงตลอดกาล ท่ามกลางเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นตราบใดที่เราลืมสติไปลืมความคิดไปว่าเมื่อเรากำลังมีความสุข เราต้องการให้ช่วงเวลานั้นมันคงอยู่กับเราตลอดไป แต่เมื่อพบกับความเจ็บปวด เรากลับต้องการให้มันผ่านพ้นไป

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมเราไม่คิดที่จะเข้าใจชีวิตและอยู่ให้ได้กับการเปลี่ยนแปลง จริงอยู่ความสุขกำลังจะจากไปในขณะที่ความเจ็บปวดผิดหวังสิ้นหวังความทุกข์เข้ามาแทนที ถ้าเรามองด้วยสติและมองด้วยปัญญาไม่ปล่อยให้เส้นผมมาเขี่ยตาเรา มาทิ่มแทงดวงตาของเรา เราจะต้องไม่คิดที่จะแบกปัญหาและความทุกข์นั้นมาไว้ที่บ่าของเราอีกต่อไป Change เท่านั้นที่จะช่วยให้เราสุขใจมากขึ้นไม่ต้องแบกให้หนักอีกต่อไป เพียงแค่หิ้วไปเบา ๆ เท่านั้นเอง เปลี่ยนจากแบกมาเป็นหิ้วและจงเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดี ๆ เพื่อชีวิตของเราให้ก้าวทันกับนิยามของชีวิตที่ว่า ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงตลอดกาล และการเชจที่จะนำเราไปพบกับความสุขของชีวิต Change”เท่านั้นที่จะทำให้เรากล้าที่จะเปลี่ยนแปลง จงฝึกใจของเราให้พบกับการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเพื่อชีวิตที่เปลี่ยนไปด้วยการ Change เท่านั้น

  เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วทุกปัญหาทุกเรื่องราวที่ทำให้เรามีความทุกข์ จะทุกข์มากหรือทุกข์น้อยก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะหิ้วหรือว่าเลือกที่จะแบกมัน ถ้าเลือกที่จะแบกมันก็ต้องทุกข์นานหน่อยเพราะต้องใช้แรงในการแบกห้ามมันไม่ได้เบาสบายอย่างการหิ้วที่อาจจะใช้แค่เพียงมือเดียวหรือแค่สองนิ้วก็หิ้วไปได้แล้ว เหมือนอย่างที่บอกว่าชีวิตคือการเปลี่ยนแล้วทำไมเราไม่คิดที่จะเปลี่ยน เปลี่ยนและจงเปลี่ยนซะ เพื่อชีวิตที่ก้าวทันกับการเปลี่ยนนั้นเอง เชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรทำให้เราได้มีความสุขมากเท่ากับการได้เรียนรู้และก้าวทันกับชีวิตด้วยการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว

 

หมายเลขบันทึก: 511517เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2012 14:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 12:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชอบการเขียนแนวนี้มากนะคะพี่มณีเทวาเป็นกำลังใจให้นะคะ รับไปเลยค่ะดอกไม้สวยๆๆอิอิ...


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท