การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก


การกู้หนี้เป็นทุกข์ในโลก 

(อิณาทานังทุกขังโลเก)

  ส่วนใหญ่สมาชิกสหกรณ์ที่สมัครเข้ามา วัตถุประสงค์ประการแรกคือ ต้องการกู้หนี้ยืมสินจากสหกรณ์ เพื่อนำไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่่ของตนและครอบครัว   ดังนี้การเป็นหนี้นั้นต้องคำนึงถึงรายได้ว่าพอจะสู้กับหนี้ก้อนนี้ได้หรือไม่และเงินที่กู้มานั้นนำไปใช้ทำอะไรเกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใดการกู้ยืมเงินก่อให้เกิดหนี้สินโดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนเป็นหนี้โดยไม่มีหนทางชำระคืนได้เนื่องมาจากหนี้สิ้นที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สมาชิกผู้กู้ย่อมเป็นทุกข์สหกรณ์ผู้ให้กู้ย่อมเป็นบาป   การเป็นหนี้เกินฐานะของตนจนไม่สามารถนำเงินไปชำระคืนได้ย่อมนำมาซึ่งความเดือดร้อนทั้งตัวผู้กู้และครอบครัวคนเราเมื่อเดือดร้อนเงินส่วนมากก็มักจะไปหากินในทางทุจริต  พึ่งพาการเสี่ยงโชคและยังนำมาซึ่งความเลวร้ายอีกหลายประการเช่นลักเขากินปล้น  โกงฉ้อหลอกลวงฯลฯ  การเป็นหนี้ย่อมเป็นทุกข์เพราะขาดอิสระภาพและอยู่ภายใต้บุญคุณของผู้ให้กู้ถ้าเป็นก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราชคนเป็นหนี้เขาจะต้องตกเป็นทาสเลยทีเดียว

  ก่อนจะกู้เงินจากสหกรณ์ต้องคิดให้รอบคอบไม่จำเป็นอย่ากู้เพราะกู้แล้วจะต้องถูกหักเงินเดือนหรือต้องชำระคืนตามกำหนดสัญญาเมื่อถึงกำหนดชำระคืนไม่สามารถหาเงินมาชำระให้กับสหกรณ์ก็จะถูกทวงถาม  จิตใจก็ไม่สงบเป็นทุกข์เขาทวงแล้วยังไม่มีให้ก็จะต้องหลบลี้หนีหน้า  ถึงหลบหนีเขาก็ตามตัวก็เป็นทุกข์หรือถูกออกจากงานประจำก็เป็นทุกข์  หรืออาจถูกจองจำเมื่อเขาตามจับได้เมื่อถูกจองจำก็หมดอิสระภาพออกมาจากคุกแล้วก็ยังถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้คุกขี้ตะรางก็เป็นทุกข์  

  การเป็นหนี้หมายรวมถึง"การค้ำประกันหนี้"ให้บุคคลอื่นด้วย  แม้ว่าเราจะไม่ได้กู้เงินเองก็ตามเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระผู้กู้ไม่ชำระเราก็ต้องรับผิดชอบหนี้สินนั้นเหมือนกับกู้เงินเอง  ดังนั้นก่อนจะค้ำประกันให้ใครก็ต้องตัดสินใจให้ดีพึงระลึกอยู่เสมอว่า  "อยากมั่งมีให้เป็นนายหน้าอยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน"  เพราะถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ต่อสหกรณ์   เราผู้ค้ำประกันก็ต้องชำระหนี้นั้นแทนโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

  กู้เงินมาเพื่อใช้  ทำทุน                           อาจเกิดผลเงินหมุน  ไม่ช้า

กู้ที่ห่อนมีคุณ  คือเล่นพนันแฮ                 เป็นทุกข์ทำวุ่นว้า  ดอกเบี้ยมากมาย

พุทธศาสนสุภาษิตคำโคลง  

พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

ดังนั้นหากสมาชิกสหกรณ์ เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องกู้เงินสหกรณ์ และเป็นหนี้   ก็ขอให้น้อมนำพระราชดำรัช ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลบเดช มหาราช ที่ได้พระราชทานให้ไว้เมื่อ วันที่ 4 ธันวาคม 2540 เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตสำหรับประชาชน "...การกู้เงินนั้นต้องให้เกิดประโยชน์  ไม่ใช่กู้สำหรับไปเล่น ไปทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์ ถ้ากู้แล้วทำให้มีรายได้  ก็เท่ากับใช้หนี้ได้ ไม่ต้องติดหนี้  ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียเกียรติ์..."  แล้วเราก็จะไม่ต้องเดือดร้อนนอนทุกข์เพราะการเป็นหนี้ที่เกินกำลังความสามารถของตนเอง

  ……………………………………………………………………………………………………

สหกรณ์ที่ดี  ยามมั่งมีให้ฝาก  ยามยากให้ถอน  ยามเดือดร้อนให้กู้  ดูแลด้วยสวัสดิการ

หมายเลขบันทึก: 510049เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2012 07:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 20:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท