สองวันที่ผ่านมา ได้เห็นรายการเรื่องเล่าเช้านี้ นำคลิปผู้ถูกนับเนื่องเข้าในพระสงฆ์ที่อยู่ในอาการมึนเมาจนไม่สามารถควบคุมสติได้ แสดงอาการต่างๆตามแต่ใจนึกอยาก เช่น ด่าทอชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา ปั่นจิ้งหรีดเพื่อแสดงให้ผู้อื่นคิดว่าตนไม่ได้เมา
มารดาของพระรูปนี้เล่าว่า พระท่านเดินทางมาเยี่ยมบ้าน แล้วตั้งวงดื่มเหล้ากัน จนเมื่อเมามาย จึงแสดงพฤติกรรมดังกล่าว กระทั่งมารดาต้องเรียกตำรวจมาจับและพาไปลาสิกขา
ข่าวเหล่านี้นับว่าเป็นอันตรายต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่เมื่อทราบข่าวว่าพระบางรูปกระทำผิดก็มักเหมาเอาว่า พระสงฆ์ไม่น่านับถือ พระสงฆ์ไม่อาจเป็นที่พึ่งทางใจได้ ศาสนาจะเสื่อมก็เพราะพระสงฆ์เหล่านี้
อันที่จริง ไม่ว่าในสังคมใด ย่อมมีทั้งส่วนที่เลวและดีคละเคล้ากันไป ชาวพุทธจึงไม่ควรหวั่นไหวกับข่าวเหล่านี้มากนัก
อีกทั้ง พระสงฆ์ ในพระรัตนตรัย ก็ไม่ได้หมายถึงผู้ที่ถูกเรียกว่า พระสงฆ์ เพราะการอุปสมบทตามพระวินัย หากหมายถึงพระอริยสงฆ์ที่ได้ ปฏิบัติและรู้ตาม พระพุทธองค์ พระสงฆ์เหล่านี้จึงเป็นได้ทั้งผู้ที่ถือบวช และผู้ที่ยังครองเรือน ส่วนผู้ที่อุปสมบทตามพระวินัย แม้จะยังไม่บรรลุธรรมใดๆก็ให้นับเนื่องเข้าในสงฆ์นี้ด้วย จึงได้ชื่อว่า สมมติสงฆ์
ดังคำอธิบายของสมเด็จพระสังฆราช เกี่ยวกับพระสงฆ์ในพระรัตนตรัยดังต่อไปนี้ ทำให้เราเห็นภาพของพระสงฆ์ในพระรัตนตรัยได้อย่างแจ่มชัด
หมู่ชนที่ได้ฟังเสียงซึ่งออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ได้ความรู้พระธรรมคือความจริงที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอน จนถึงได้บรรลุโลกุตตรธรรม ธรรมะที่อยู่เหนือโลกตามพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระสงฆ์ คือหมู่ของชนที่เป็นสาวกคือผู้ฟังของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้รู้พระธรรมตามพระพุทธเจ้าได้ พระสงฆ์ดังกล่าวนี้เรียกว่าพระอริยสงฆ์ มุ่งเอาความรู้เป็นสำคัญเหมือนกัน ไม่ได้มุ่งว่าจะต้องเป็นคฤหัสถ์หรือจะต้องเป็นบรรพชิต และเมื่อรู้พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็ประกาศตนนับถือพระพุทธเจ้า ที่มีศรัทธาแก่กล้าก้ขอบวชตาม ที่ไม่ถึงกับขอบวชตามก็ประกาศตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา จึงได้เกิดเป็นบริษัท ๔ ขึ้น คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในบริษัท ๔ นี้ หมู่ของภิกษุก็เรียกว่าพระสงฆ์เหมือนกัน แต่เรียกว่าสมมติสงฆ์ สงฆ์โดยสมมติ เพราะว่าเป็นภิกษุตามพระวินัยด้วยวิธีอุปสมบทรับรองกันว่าเป็นอุปสัมบันหรือเป็นภิกษุขึ้น เมื่อภิกษุหลายรูปมาประชุมกันกระทำกิจของสงฆ์ ก็เรียกว่าสงฆ์
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ที่เป็นอริยสงฆ์ทั้ง ๓ นี้ รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสรณะคือที่พึ่งอย่างสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ความเป็นพระอริยสงฆ์นั้นเป็นจำเพาะตน ส่วนหมู่แห่งบุคคลที่ดำรงพระพุทธศาสนาสืบต่อมาก็คือพุทธบริษัทหรือพุทธศาสนิกชนดั่งกล่าวข้างต้น ในพุทธบริษัทเหล่านี้ ก็มีภิกษุสงฆ์นี่แหละเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นผู้พลีชีวิตมาเพื่อปฏิบัติดำรงรักษาพระพุทธศาสนา นำพระพุทธศาสนาสืบๆต่อกันมา จนถึงในบัดนี้
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พิมพ์ครั้งที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า ๗
และหากเราสังเกตบทสวดสังฆคุณให้ดี จะพบว่า พระสงฆ์ ในบทสวดก็คือพระอริยสงฆ์ ๔ คู่ ๘ บุคคล หาใช่พระผู้เป็นสมมติสงฆ์ไม่
หากเราเชื่อมั่นในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในพระธรรมและนำมาปฏิบัติในชีวิตจริง เชื่อมั่นในพระสงฆ์ ตามองค์ประกอบของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงก็คงมองข่าวเหล่านี้เช่นเดียวกับที่เรามองข่าวฉาวของฆราวาสที่มีให้เห็นดาษดาในสังคม
เพราะทุกกลุ่มชน ย่อมมีที่ทั้งดีและตรงข้าม คละเคล้ากันไปนั่นเอง
เป็นเนื้อนาบุญของทุกท่าน อย่างอิสระ ที่จะเดินทางสู่ พระอัลลอฮฮัน (อลหันต์) ได้เช่นไร ด้วยกตัญญูธรรม สันติธรรม หรือจะไปด้วยการขาดธรรมไปหลายข้อ. ขอพรให้ได้เนื้อนาบุญทุกๆท่านค่ะ.