หอบหืดหนัก ไม่อ่อนข้อกับยา รพ. แต่ยอมพ่ายแพ้ต่อแดด ธรรมชาติ
วันนี้พบ ผป. มาตรวจกับแพทย์ ท่านอื่นนัด ด้วยเรื่องความดันโลหิตสูง แต่เป็นคนไข้นัดของผม ปัญหาหืดหอบ
ผป.มา รพ วันที่ 4 พย. บ่ายวันอาทิตย์ ด้วยปัญหา ไอหวัด
อาการไม่ทุเลา อาการไอ เหนื่อยมากกว่าเดิม (ผป. ไม่เคยหอบ จนต้องใช้ยาพ่น มาก่อน )
วันที่7 พย กลับมาตรวจซ้ำ ปอดมีเสียงหวีด กลางคืนไอทั้งคืน นอนราบไม่ได้
ให้การรักษาหืดหอบ เต็มที่ ด้วย ยาลดการอักเสบ( steroid ) ช่วงสั้น ยา ขยายหลอดลม นัดมาตรวจติดตามอาการ วันที่ 9 พย. ผลอาการยังหอบหืดมาก แปลก ที่ยาไม่ได้ผล
จึงประเมิน ปัจจัยเสี่ยง สำคัญ พบว่า กินกล้วย เป็นประจำ ทุกวัน จึงขอให้งด และ สั่งจ่ายยาพ่นเพิ่มให้อีก (เดิมยังไม่ได้สั่งยาให้ )
นัดมาติดตามอาการ วันที่ 14 พย. ปรากฎว่า ผป. ไม่ได้มาตามนัด
มารับยาความดันโลหิต ต่อเนื่องวันนี้ 21 พย
สอบถามได้ความว่า ยังไม่ได้ใช้ยาพ่น ตามที่แพทย์(ผม)สั่งยาให้ แต่ปฏิบัติ ตนให้อุ่น ตามคำแนะนำทุกอย่าง
อาบน้ำอุ่น ในตุ่ม ที่ตากแดด ตอนบ่ายๆ ดื่มกิน น้ำอุ่น สวมเสื้อผ้าให้อุ่น ( เดิมสวมให้เย็น ) งดกล้วย
อาการก็ดีขึ้นไม่หอบ
ประกอบกับ ได้จังหวะ ต้องไปรับจ้างเกี่ยวข้าว ทุกวัน อาการก็ไม่หอบ ไม่ต้องทานยาอะไรอีกเลย แม้แต่ยาพ่น ก็ไม่ได้ใช้พ่น
ความจริงผป.รายนี้ ผมได้อธิบาย แนวคิด เรื่องเสมหะ เสมหะกำเริบ สิ่งกระตุ้นให้เสมหะ กำเริบ
อธิบายไปเสร็จแล้ว ก้ไม่รู้ผป. จะเข้าใจ เข้าใจแล้วจะเชื่อ เชื่อแล้วจะปฏิบัติตนอีก หรือไม่
เพราะเราก็อธิบาย ผป. เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง ถึงการปฏิบัติตน โดยไม่ต้องใช้ยา สุดท้าย ผป. ไม่ได้ปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติไม่ได้อย่างที่เราแนะนำไป
เมื่อสอบถามว่า ผป. ปฏิบัติตนอย่างไร ในระหว่างนี้ ที่ไม่มีอาการหอบเลย ผป.อธิบายให้แพทย์ฟังอย่างละเอียด ยาพ่นไม่ได้ใช้ ยากิน ก็กินน้อยกว่าที่แนะนำ เพราะอาการทุเลาเร็ว ตามลำดับ หลังจากปฏิบัติตน ถูกเหตุถูกผล ของเสมหะกำเริบ
ผมจึงรู้ว่า ที่เราเลือกแนะนำอะไร นอกตำราฝรั่ง (ตามตำราการแพทย์ตะวันออก ) ได้ผลจริงๆ
นับเป็นตัวอย่างผป. มี่เสริมกำลังใจ ให้แพทย์กล้าทำ กล้าแนะนำ นอกตำราฝรั่ง ( ตามตำราการแพทย์ตะวันออก ) ต่อไป
ผป. รายนี้ เป็นรายที่สอง ที่บอกว่า ไปเก็บเกี่ยวข้าว อาการหืดหอบทุเลาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ 23 ปีที่แล้ว ก็พบอยู่รายหนึ่งที่ รพ.อำเภอเขาชัยสน ที่หืดหอบเรื้อรัง ต้องมาฉีดยา นอนพัก เป็นขาประจำของ รพ. แต่หายไปไม่ได้มา รพ.รับการรักษาหืดหอบเลย ประมาณ 1 เดือนกว่า โดยไม่มีอาการหอบเลย ไม่ต้องใช้ยาอะไรเลย ในระหว่างนั้นมีแต่ไปเก็บเกี่ยวข้าว ที่ปกติ ทั้งปี ไม่ได้ทำอย่างนี้ ขณะนั้นผมอายุ 25 ปี อ่านแต่ตำราฝรั่ง ก็ไม่รู้ว่า ตากแดดเก็บข้าว กับการหาย หืดหอบ ชั่วคราว มันจะเกี่ยวกันอย่างไร ก็ฟังไว้ก่อน
ต่อมามีโอกาส อ่านตำราการแพทย์ทิเบต ไทย จีน ก็ระบุ ตรงกัน เรื่อง ความอุ่น บรรเทาเสมหะ ความเย็นกระตุ้นเสมหะ
แต่ตำราทิเบต ระบุชัดเจนที่สุด ว่า กลุ่มโรคเสมหะ ได้ตากแดด จะทุเลาปัญหาเสมหะได้
ขอเตือนผู้อ่าน เรื่องเล่านี้ ว่า อย่าเชื่อ ตำราทฤษฏี ทั้งฝรั่ง ทั้งเอเชีย ทั้งหมด
และปฏิเสธการรักษา หรือเลือกแบบแผนการรักษาด้านใดด้านหนึ่ง
เพราะลางเนื้อ ชอบลางยา หรือ บางคนมีจุดอ่อน ก่อโรค ที่ยังไม่ได้ตระหนัก หรือ แก้ไม่ตก
มีผ.ป จำนวนมาก ที่ใช้สมุนไพร ไม่ได้ผล หรือ ใช้แล้วได้ผลดี
จึงต้องเลือกเชื่่อ เลือกพิสูจน์ความรู้ บางอย่างการแพทย์ตะวันตก ก็มีคุณค่า ได้ผลดี
บางอย่างของไทยๆ ก็ได้ผลดี และ ง่าย
ผู้เรียนรู้รุ่นหลัง
ความเห็น (4)
แนวคิืดดีมากครับ ในอนาคต อาจเกิดประโยชน์มากมายครับ แต่แนะนำให้ ลองใช้ peak flow meter ตรวจดูอาการหอบด้วยครับ
"ต่อมามีโอกาส อ่านตำราการแพทย์ทิเบต ไทย จีน ก็ระบุ ตรงกัน เรื่อง ความอุ่น บรรเทาเสมหะ ความเย็นกระตุ้นเสมหะ
แต่ตำราทิเบต ระบุชัดเจนที่สุด ว่า กลุ่มโรคเสมหะ ได้ตากแดด จะทุเลาปัญหาเสมหะได้"
ขอบคุณค่ะอาจารย์ กำลังเป็นอยู่พอดีค่ะ
ความจริงแสงแดดมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่เสียดายที่คนปัจจุบันนี้กลัวแดดเป็นส่วนมากเพราะกลัวผิวจะคล้ำ ขอบคุณค่ะ
น้องชายเป็นหอบหืด
คุณพ่อรักษา โดยให้กินสมุนไพรร้อน
คือกระเพราะแดง กับกระเพราขาว อย่างละ 1 กำมือ
ตำผสมเหล้าขาวเหยาะๆลงไปเพื้อเป็นกระสายยา
คั้นน้ำออกมาแล้วกลั้นใจดื่มเอือกลงไปตามด้วยส้มมะขามเปียก
จำได้ว่าวันละ 1 ครั้ง แล้วเพิ่มวันเป็น 3 วันครั้ง จนอาการหาย
ควบคู่กับให้ไปเล่นฟุตบอล สวมเสื้อผ้าให้อกอุ่น
อย่าให้เสื้ออับชื้น