บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2555
ติดตามย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
ผมไปพม่าหลายวัน กลับมาได้ข่าวว่า ดร. วีรพงษ์ รามางกูร ให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วย เรื่องนโยบายจำนำข้าว ทั้งที่ตัวเองเป็นบุคคลที่รัฐบาลชุดนี้ยกย่องและนับถือ ว่าเป็นพวกเดียวกัน
จึงขอคารวะความเป็นนักวิชาการของ ดร.วีรพงษ์ เรื่องข้าว
ดร.วีรพงษ์เน้น ปัญหาจำนำข้าวคือ
§ ควบคุมการคอร์รัปชั่นไม่ได้
§ พ่อค้ากับเจ้าของโรงสีรวย ไม่ใช่ชาวนา
§ จำนำทำไมให้แพงกว่าราคาจริง มีแต่จำนำให้ถูกกว่าราคาจริง
§ กลไกตลาดถูกทำลาย ในตลาดขายข้าว
ดร.อัมมาร สยามวาลา เป็นคนระมัดระวังเรื่องวิจารณ์นโยบายรัฐบาลแต่สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์พูดชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้ดีแต่โม้ ท่านย้ำว่าโม้จริงๆ
§ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชื่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ บอกว่าขายข้าว G to G ได้ 7 ล้านตัน เป็นราคาโม้ เพราะถ้าขายได้จริงๆ ต้องมีการเคลื่อนไหวหลายด้าน เช่น ความต้องการของกระสอบข้าวหรือเรือที่มารับไปส่ง
§ ท่านเน้นว่า นโยบายเลิกก็พัง ไม่เลิกก็พัง เลยไม่รู้อันไหนดีกว่ากัน พังตอนนี้หรือพังช่วงหน้า
§ ที่รู้ๆกัน คือ ข้าวที่ส่งออกไปเป็นของเอกชนทั้งนั้น ของรัฐยังส่งออกไม่ได้เลยสักตัน
ส่วน ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา จากนิด้าคงพูดไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ขอชมเชยและรับแรงกดดันจาก เสื้อแดง (ปลอม) ที่ประท้วงหน้านิด้าได้อย่างมีศักดิ์ศรีขอให้กำลังใจ
ผมพูดแล้วว่า ระบอบทักษิณทำทุกอย่างที่ใช้ พลัง ไม่ใช้คุณธรรมและปัญญา ต้องดูกันต่อไปว่า ประเทศไทยจะอยู่ได้ด้วยความถูกต้อง มีหลักเกณฑ์ เพื่อประเทศจะไปในทิศทางไหน? ในการใช้นโยบายอำนาจผิดๆ อาจทำให้ชาติล่มจมจนกระทั้งความเสียหายมากเกินกว่าที่จะแก้ไข
งานของผมที่ไปประเทศพม่ามีหลายเรื่องที่จะแบ่งปันให้คนไทยทราบ
§ ข้อแรกก็คือ ขอขอบคุณ EGATi โดยเฉพาะ คุณสมบูรณ์ อารยสกุล รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และคุณวัชรา เหมรัชตานันต์ ที่กรุณาสนับสนุนงบการเงินส่วนหนึ่ง ทำให้ มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศทำงานที่พม่าสำเร็จ
§ ขอขอบคุณ เอกอัครราชทูตไทย ณ.เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ท่านพิษณุ สุวรรณะชฎ (H.E. Mr. Pisanu Suvanajata) มาเป็นเกียรติกล่าวในพิธีเปิด
§ ขอบคุณวิทยากรผู้มีเกียรติหลายท่าน เช่น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ , ดร.ละเอียด ศิลาน้อย, ม.ร.ว.รุจยา อาภากร ทุกท่านมีธุระมาก แต่มีสปิริตสูงที่ไปร่วมงาน ทำให้งานระหว่างประเทศประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจในสายตาชาวพม่า
§ สำคัญที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าที่เน้น
§ Trust ความไว้เนื้อเชื่อใจ
§ Equality ความเสมอภาค
§ Mutual Respect การนับถือซึ่งกันและกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของพม่า H.E. Minister U Aye Myint Kyu ซึ่งผมรู้จักมานานกว่า 10 ปี แล้ว ได้ต้อนรับคณะเราอย่างสมเกียรติ
การสัมมนาเรื่อง Cultural Conservation in Myanmar Cultural Heritage Sites and Culture as the Tourism Related” (1st – 3rd October 2012) เน้น ทุนทางวัฒนธรรมที่จะเพิ่มมูลค่าทางการท่องเที่ยวของ 2 ประเทศ โดยแลกเปลี่ยนบทเรียนที่ดีและไม่ดี ซึ่งกันและกัน
ผู้เข้ารับฟังของพม่าผ่านการคัดเลือกมาแค่ 50 – 60 คน เป็นข้าราชการของพม่าและนักวิชาการ ของมหาวิทยาลัยชั้นนำ กว่า 20 คน
ผู้เข้าร่วมจากพม่ามีความตั้งใจสูงมาก ภาษาอังกฤษก็มีคุณภาพสูงดี ผิดกับคนไทยที่มองการสัมมนาไม่สำคัญ ไม่ได้นำไปต่อยอด
พม่าเป็นประเทศที่เหมือนผู้หญิงสวยและรวย มีชายหนุ่มติดพันมากมาย
แต่คนไทยที่จะเข้าไปมีความสัมพันธ์กับพม่าต้องศึกษาให้รอบคอบ เรื่อง
§ ประวัติศาสตร์
§ วัฒนธรรม
§ ประเพณี
§ ระบบการเมืองและเศรษฐกิจ
§ และเน้นการแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน อย่ามองพม่าเป็นขนมหวาน ให้นักธุรกิจไทยตักตวงผลประโยชน์ฝ่ายเดียว
ท่านทูตบอกว่า นักธุรกิจไทยถามอยู่เรื่องเดียวคือ ค่าจ้างขั้นต่ำพม่าเท่าไหร่? ถูกจริงหรือ? ท่านทูตบอกว่า ควรจะมองว่าถ้าจ่ายค่าจ้างที่เหมาะสมให้คนงานพม่าอยู่ได้ ควรจะจ่ายเท่าไหร่? มากกว่าที่ใช้ค่าแรงถูกเป็นหลัก
รัฐมนตรีของเขาต้อนรับเป็นอย่างดี และอยู่รับฟังตลอดเวลา หากไม่อยู่ก็ส่งรัฐมนตรีช่วยมาเป็นตัวแทน นำความประทับใจให้แก่คณะผู้แทนไทยอย่างมาก
เรื่องอื่นๆ คือก่อนไปพม่า ผมมีโอกาสจัดสัมมนาให้สโมสรไลออนส์กรุงเทพรัตนชาติร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ เรื่องการอ่านกับการเตรียมตัวเข้าอาเซียน
มีวิทยากรที่มีชื่อเสียงร่วมด้วยหลายท่าน เช่น ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ , อาจารย์ธัญญา ผลอนันต์ เป็นต้น
เรื่องการอ่านเพื่อรองรับอาเซียนสอดคล้องกับปีหน้ากรุงเทพฯได้รับเลือกเป็นเมืองน่าอ่านของโลกจากยูเนสโกเหมาะกับสถานการณ์ คงไม่ใช่อ่านแค่ภาษาไทย แต่ต้องสนใจภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษอาเซียนด้วย
อาจารย์ไกรฤทธิ์เสนอวิธีการอ่านไว้ 3 เรื่องถ้าไม่เคยอ่านหรือไม่ชอบอ่านจะเริ่มอย่างไร?
§ น่าจะเริ่มจากครอบครัว โดย พ่อ แม่ กระตุ้นให้ลูกอ่านร่วมกัน มีหนังสือดีๆให้ลูกได้อ่านในบ้าน และหลังจากนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่กระตุ้นให้นักเรียนสนใจการอ่าน
หลังจากนั้น ประสิทธิภาพการอ่านคืออะไร?
§ อ่านสิ่งที่ตัวเองชอบและมีคุณค่าต่อตัวเราก่อนและจับประเด็นให้ได้
เรื่องการอ่านเพื่อรองรับอาเซียน อาจารย์ไกรฤทธิ์บอกว่า ต้องยกระดับการอ่านให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียนเพื่อรองรับอาเซียน
สำหรับผม
§ ผมอ่านเพราะผมมีความสุขและทำให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตกลายเป็นอุปนิสัยที่ฝังในตัวเรา
§ คุณพ่อเป็นผู้มีอิทธิพลต่อผมมาก
§ การไปเรียนต่างประเทศ โดยเฉพาะระดับปริญญาตรีที่นิวซีแลนด์ ทำให้ผมต้องฝึกการอ่าน เพื่อสรุปให้เป็น จับประเด็นเพื่อสอบให้ผ่าน
§ และสุดท้าย ผมแนะนำว่า ถ้าจะอ่านภาษาอังกฤษให้ดีและสนุกไม่ควรเรียนเฉพาะไวยากรณ์ ควรจะเรียนวรรณกรรมอังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องศึกษาตัวละครเชคสเปียร์ประกอบไปด้วย
|
|
|
|
|
มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศร่วมกับ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดสัมมนาเรื่อง Cultural Conservation in Myanmar Cultural Heritage Sites and Culture as the Tourism Related” โดยมี ท่านพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ.เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของพม่า H.E. Minister U Aye Myint Kyu ให้เกียรติมากล่าวและร่วมในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 1 – 3 ตุลาคม 2555 ณ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า |
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ
www.gotoknow.org/blog/chiraacademy
แฟกซ์0-2273-0181
ไม่มีความเห็น