เรื่องสุดท้ายสำหรับการประชุมในวันนี้คือการเสนอสรุปผลการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง ระยะที่ 1 (ปี 2553-2555) และร่างกรอบแนวทางฯ ระยะที่ 2 (ปี 2556-2560) โดย นพ.จักรกริช โง้วศิริ ผจก.กองทุนบริหารจัดการโรคเรื้อรัง
เนื่องจากเวลาใกล้ 13.00 น. การนำเสนอจึงต้องเป็นแบบเร็วๆ ข้ามสไลด์ที่เตรียมมาไปหลายสไลด์ พอจะสรุปได้ว่าในระยะที่ 1 สปสช.ได้ร่วมกับ กสธ. พัฒนา System manager และ case Manager สถานการณ์ด้านนโยบาย สถานการณ์การจัดการโรคเรื้อรังในพื้นที่ เป็นอย่างไร มีโอกาสพัฒนาอย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์ในระยะที่ 1 เช่น อัตราการเข้าถึงบริการดีขึ้น ผู้ชายยังเข้าถึงบริการค่อนข้างน้อย ตัวชี้วัดของการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เป็นอย่างไร อัตราการรับเข้าโรงพยาบาลอันเนื่องจากโรคเบาหวาน อัตรารับเข้าโรงพยาบาลจากภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น ภาวะแทรกซ้อนทางไต อัตราการตัดขาออก ฯลฯ (มีอีกหลายเรื่อง)
กรอบแนวทางการบริหารจัดการโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระยะที่ 2 มีเป้าประสงค์ เพื่อ
วัตถุประสงค์ เป้าหมายและเกณฑ์ชี้วัด ด้านกระบวนการและด้านผลลัพธ์มีอะไรบ้าง
กลยุทธ์การดำเนินงานมี 4 กลยุทธ์ แต่ละกลยุทธ์จะมีแผนงาน/โครงการรองรับ
แผนงาน/โครงการปี 2556 มี 7 เรื่อง ได้แก่
ดูรายละเอียดของกลยุทธ์ แผนงาน/โครงการ ที่ สปสช. จะทำแล้ว ดิฉันคิดว่าโครงการ DPP-Thailand ของเราน่าจะให้คำตอบได้บางส่วน
เดิมก่อนการเข้าประชุมครั้งนี้ ดิฉันคาดหวังเพียงแต่ว่าจะได้นำเสนอโครงการ DPP-Thailand ที่ขอการสนับสนุนจาก สปสช. แต่เมื่อเข้าประชุมแล้วได้มองเห็นภาพใหญ่ของการทำงานเบาหวาน/ความดันโลหิตสูงที่มีหลายหน่วยงาน/องค์การเกี่ยวข้อง เครือข่าย KM เบาหวานเป็นองค์การเล็กๆ ที่มีส่วนในการต่อภาพจิ๊กซอว์ส่วนหนึ่ง ดิฉันคิดไว้ว่าจะหาทางจับมือกับเครือข่ายวิจัยกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทยหรือ MedResNet เผื่อว่าจะมีงานอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นได้อีก
ปิดการประชุมตอนกี่โมงก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้ดูนาฬิกา แต่คิดว่าน่าจะเลย 13 น. ไปแล้ว ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านรวมทั้ง ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ ผศ.นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์ ไม่ได้อยู่กินอาหารกลางวันด้วย
คุณสิริกร ขุนศรี ช่วยหาห้องให้ดิฉัน ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร และ นพ.สมเกียรติ โพธิสัตย์ คุยกันต่อเรื่องแผน data management ในโครงการของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ นพ.สมเกียรติเป็นห่วง (โชคดีจริงๆ ที่ทีมงานของเครือข่ายฯ ช่วยกันเติมเต็มการทำงานในแต่ละเรื่องให้โครงการเกิดความสมบูรณ์)
เราจะต้องออกแบบและจัดทำแบบฟอร์มการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูล และจะต้องมีงบประมาณในเรื่องนี้อีกส่วนหนึ่ง เราคุยกันว่างบสำหรับกิจกรรมบางเรื่องอาจขอจากกองทุนตำบลและยังมีอีกหลายเรื่องที่เราจะต้องเตรียมการ
วัลลา ตันตโยทัย
ขอบคุณมากครับอาจารย์วัลลา
ผมดีใจที่ประเทศไทยจะมีระบบบริการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วย (Self-management Support) ผมย้อนนึกถึงตอนที่เรียน Self-Management Model ตอนเรียนป.โท-เอก ที่ออสเตรเลีย และได้ใช้ในงานวิจัยกิจกรรมบำบัดมาบ้างครับ เมื่อ 5 ปีที่แล้วถึงปัจจุบัน
อาจารย์ลองอ่าน paper ของผมเกี่ยวข้องกับ Knowledge translation of self-management concepts for Thais โดย download PDF ที่ http://www.ns.mahidol.ac.th/english/journal_NS/pdf/vol28/issue3/supalak.pdf
ขอบคุณอาจารย์ป๊อป เครือข่าย KM เบาหวานสนใจเรื่องกิจกรรมบำบัดของอาจารย์เหมือนกัน หากมีโอกาสคงจะได้คุยกันนะคะ