หน้าแรก
สมาชิก
ลูกสายลม
สมุด
ภาษา และวรรณคดี ...
การเข้าถึงอาตมัน ...
ลูกสายลม
Sucinand Saensirimongol
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
การเข้าถึงอาตมัน ใน มาณฑูกยะ อุปนิษัท
ขณิกนิพพาน ปรากฏให้ภาวะที่ ๔ คือ ตุรียะ
การเข้าถึงอาตมันที่ปรากฏในมาณฑูกยะอุปนิษัท
คัมภีร์อุปนิษัท นับว่าเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ได้รวบรวมดอกไม้ต่าง ๆ ไว้มากมาย แม้ดอกไม้จะแตกต่างกันบ้าง แต่กลิ่นของมันไม่แตกต่างกันเลย ถึงเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด อุปนิษัทก็ยังคงกลิ่นของมันไว้เหมือนเดิม กลิ่นนั้นคือกลิ่นแห่งความจริงแท้ กลิ่นแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอาตมัน และพรหมัน มาณฑูกยะอุปนิษัทก็เป็นหนึ่งในดอกไม้ และเป็นหนึ่งแห่งความจริงแท้ ของความจริงทั้งหมด และการที่จะทำให้เราเข้าถึงอาตมันได้นั้น ในมาณฑุกยะอุปนิษัทก็ได้แบ่งออกเป็น ๒ วิธีด้วยกัน คือ การเข้าถึงอาตมันด้วยคำว่า “โอม” และการเข้าถึงอาตมันด้วยในขณะที่เราตื่น หลับฝัน และหลับสนิท
๑. การเข้าถึงอาตมันด้วยคำว่า
“โอม”
มาณฑูกยะอุปนิษัท เป็นอุปนิษัทหนึ่งที่ได้อธิบายถึงคำว่า “โอม” ไว้ และการที่เราจะเข้าถึงอาตมันได้นั้น เราก็ต้องใช้คำว่า “โอม” ในการช่วย โดยการที่นำคำว่า “โอม” มาใช้ในการบริกรรม เพื่อทำสมาธิจากระดับแรก คือเสียงอะ เมื่อทำการบริกรรมคำนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราเห็นว่าคำนี้เราสามารถเข้าใจ หรือทำได้ชำนาญแล้ว เราก็เพิ่มระดับขึ้นไปอีก โดยบริกรรมคำว่า อุ เมื่อทำการบริกรรมคำนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะรู้สึกว่าจิตของเราละเอียดมากกว่าเดิมแล้ว เราก็เริ่มบริกรรมเพิ่มระดับขึ้นไปอีก โดยบริกรรมคำว่า มะ เมื่อบริกรรมคำนี้ไปจิตของเราถึงความเป็นสุขชั่วขณะ มีความสุขจากการรวมสิ่งสองสิ่งเข้าเป็นสิ่งเดียวกัน โดยไม่มีเหตุ มีแต่ผล จากนั้นเราก็บริกรรมคำอันเป็นสิ่งสูงสุดคือ คำว่า “โอม” เราก็จะหมดซึ่งสิ่งที่เป็นคู่ทั้งหมด ไม่มีเหตุและผล ไม่มีของสองสิ่งอีกต่อไป ทำให้จิตของเราถึงสภาพที่เรียกว่าเป็น ปีติสุขอันยอดยิ่ง คือเป็นสวภาวะที่เป็นอาตมัน ดังข้อความที่กล่าไว้ในมาณฑูกยะอุปนิษัทว่า
เสียง “โอม” เมื่อไม่มีส่วน หรือไม่มีเสียงนับ อันเป็นส่วนที่ ๔ ซึ่งอยู่เหนือการเกี่ยวข้องใด ๆ ว่างจากปรากฏการณ์ทั้งปวง มีความสงบเย็น หนึ่งไม่มีสอง ดังนั้น โดยแท้จริงแล้ว เสียง “โอม” ก็คืออาตมัน บุคคลผู้รู้อย่างนี้ ย่อมพาตนเข้าไปสู่อาตมัน
การถือเอา “โอม” เป็นคำเดียว หมายถึงการถือเอาเป็นคำบริกรรม เพื่อให้จิตจดจ่อเป็นสมาธิ แต่เมื่อต้องการให้สมาธิละเอียดประณีต ต้องเพ่งอาตมันให้ละเอียด โดยแยกเป็นส่วน และคำว่า “โอม” ซึ่งใช้เป็นสื่อนี้ก็ต้องแยก “โอม” ออกเป็นส่วนด้วย คือ แยกออกเป็น ๓ เสียง ได้แก่ เสียง อะ เสียง อุ และเสียง มะ และคำว่า “โอม” นี้ เมื่อเปล่งเสียงออกมาหลาย ๆ ครั้ง เสียง อะ และเสียง อุ ก็จะเลือนหายเข้าไปในเสียง มะ และปรากฏอีกครั้ง เมื่อเริ่มต้นออกเสียง “โอม” ด้วย อะ อุ มะ ซึ่งก็เหมือนกับการตวงข้าวเปลือกใส่ยุ้งแล้วตักออกมาอีก ทำนองเดียวกัน สวภาวะตื่นและสวภาวะหลับฝัน ก็เลือนหายไปสู่สวภาวะหลับสนิท แล้วจึงค่อยผุดโผล่ขึ้นมาอีกเป็นสวภาวะหลับฝันและสวภาวะตื่นตามลำดับ เมื่อเราทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จิตของเราก็จะเป็นสมาธิ และการทำสมาธิจากเสียงอะ เสียงอุ เสียงมะ และคำว่า “โอม” นี้เอง ทำให้เกิดสวภาวะ ที่ ๔ คือ ตุรียะ อันเป็นสวภาวะที่เป็นอาตมัน และทำให้เราบรรลุถึงโมกษะด้วย เพราะ สวภาวะที่ ๔ ที่เป็นอาตมันนี้เอง ก็คือโมกษะด้วยและโมกษะก็คืออาตมัน ทั้ง ๒ สิ่งนี้ก็ไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้เหมือนกัน
๒. การเข้าถึงอาตมันด้วยสวภาวะทั้ง ๔
สวภาวะทั้ง ๔ คือ สวภาวะตื่น สวภาวะหลับฝัน สวภาวะหลับสนิท และ สวภาวะหลับสนิทที่ปราสจากการฝัน อันเป็นสวภาวะที่เราสามารถเจอได้ทุกวัน และสิ่งเหล่านี้ ก็สามารถที่จะนำเราไปสู่สวภาวะแห่งอาตมันได้ จนบรรลุถึงสิ่งที่เราต้องการสิ่งนั้นก็คือการบรรลุโมกษะนั่นเอง
สวภาวะตื่น คือสวภาวะแรกที่เราเจอในตอนที่เราตื่น และสิ่งที่เราเจอนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่หยาบ ๆ เมื่อเราเห็นสิ่งเหล่านั้น เราก็จะเสพรับรู้มันเข้ามาในตัวเราขณะที่เราตื่น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกรับรู้ โดยอาตมันในตัวเราเป็นผู้รู้สิ่งเหล่านี้ และเป็นการเข้าถึงอาตมันในชั้นแรก ขณะที่เราหลับฝัน เราก็จะฝันสิ่งต่าง ๆ รับรู้มันไว้ในมโนภาพของเรา อาตมันที่อยู่ภายในเราก็รับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เราฝันและมันก็เพลิดเพลินจากความฝันเรา และนี้ก็เป็นการเข้าถึงอาตมันในชั้นที่ ๒ แต่ว่าทั้ง ๒ สวภาวะนี้ยังจำกัดไว้ด้วยเหตุและผลอยู่ กล่าวคือ ยังไม่สามารถรู้แจ้งอาตมันในตัวเราได้ เป็นการรู้ว่ามีสิ่งที่รับรู้ในภายในเราเท่านั้น สวภาวะที่ ๓ คือ สวภาวะหลับสนิท สวภาวะนี้ เราก็จะหลับสนิท สงบ มีความสุข เป็นการรวมสิ่งที่เราเจอในขณะตื่นและขณะที่เราหลับฝันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้สิ่งนี้มีแต่ผล ไม่มีเหตุ นี้ก็เป็นการเข้าถึงอาตมันในชั้นที่ ๓ อาตมันในชั้นนี้จะละเอียดมาก แต่ก็ยังไม่ใช่อาตมันที่บริสุทธิ์อยู่ดี แม้ว่าอาตมันจะมีความสุขยิ่งก็ตาม และเมื่อเราหลับสนิทแล้วปรากฏว่าเราไม่รู้สึกฝันขึ้นมาเพียงชั่วคราว สิ่งที่ปรากฏชั่วคราวนี้เองที่เรียกว่า ตุรียะ อันเป็นสวภาวะที่อาตมันบริสุทธิ์และเป็นการบรรลุถึงโมกษะเพียงชั่วคราวของเราด้วย แต่ถ้าเราทำได้นาน ๆ และตลอดไป แสดงว่าเราเข้าถึงอาตมันอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องอาศัยประสบการณ์ใด ๆ จากขณะที่ตื่น และขณะที่ฝัน เราก็สามารถที่จะเข้าถึงอาตมันได้ และก็บรรลุโมกษะถึงความหลุดพ้นจากการรู้แจ้งอาตมัน
จากที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า วิธีการเข้าถึงอาตมันของมาณฑูกยะอุปนิษัทนั้น มี ๒ วิธีการด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครจะเลือกเอาวิธีการหนึ่งวิธีการใด เพื่อให้ได้เข้าถึงอาตมันและบรรลุโมกษะในที่สุด
บรรณนุกรม
S. Gambhīrānanda,
Māndūkya Upanisạd
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ลูกสายลม
ใน
ภาษา และวรรณคดี สันสกฤต
คำสำคัญ (Tags):
#อาตมัน
#อุปนิษัท
#การเข้าถึงอาตมัน ใน มาณฑูกยะ อุปนิษัท
หมายเลขบันทึก: 504627
เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 16:36 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 17:06 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (1)
ลูกสายลม
เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 17:06 น. (
)
ขอบคุณ คุณทิมดาบที่ติดตามอ่านนะครับ
ขอบคุณด้วยความจริงใจครับ
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ลูกสายลม
สมุด
ภาษา และวรรณคดี ...
การเข้าถึงอาตมัน ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท