พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๘ พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองก็ได้ กล่าวคือ
(๑) ผู้ทำพินัยกรรมต้องไปแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่กรมการอำเภอต่อหน้าพยานอีกอย่างน้อย ๒ คนพร้อมกัน
(๒) กรมการอำเภอต้องจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบนั้นลงไว้ และอ่านข้อความนั้นให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง
(๓) เมื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดว่า ข้อความที่กรมการอำเภอจดนั้นเป็นการถูกต้องตรงกันกับที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งไว้แล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
(๔) ข้อความที่กรมการอำเภอจดไว้นั้น ให้กรมการอำเภอลงลายมือชื่อ และลงวัน เดือน ปี ทั้งจดลงไว้ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่าพินัยกรรมนั้นได้ทำขึ้นถูกต้องตามบทบัญญัติอนุมาตรา ๑ ถึง ๓ ข้างต้น แล้วประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และกรมการอำเภอจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้
มาตรา ๑๖๕๙ การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองนั้น จะทำนอกที่ว่าการอำเภอก็ได้ เมื่อมีการร้องขอเช่นนั้น
วิธีปฏิบัติและข้อแนะนำการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
การทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๘ บัญญัติให้กรมการอำเภอเป็นผู้ทำ ต่อมามีพระราชบัญญัติระเบียบราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๙๕ มาตรา ๔๐ วรรคสาม บัญญัติให้โอนอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกรมการอำเภอไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ การทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองในปัจจุบันจึงตกเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอเป็นผู้ทำ ซึ่งถ้านายอำเภอไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามปกติก็ตกเป็นอำนาจและหน้าที่ของผู้รักษาราชการแทนตามมาตรา ๔๒ การที่นายอำเภอมาปฏิบัติราชการอยู่แต่ติดราชการจะไปท้องที่ จึงสั่งให้ปลัดอำเภอช่วยไปทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองแทนเพื่อให้งานเสร็จไปโดยเร็วนั้น ปลัดอำเภอผู้นั้นเป็นแต่เพียงผู้ทำงานแทนนายอำเภอ หาเป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอไม่ จึงไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองแทนนายอำเภอ
สำหรับกรุงเทพมหานครนั้น มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๖ ให้หัวหน้าเขตมีอำนาจหน้าที่ตามที่มีกฎหมายใดๆ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ ดังนั้นการทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่กรุงเทพมหานครจึงตกเป็นหน้าที่ของนายอำเภอ ดังนั้นการทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่กรุงเทพมหานครจึงตกเป็นอำนาจและหน้าที่ของหัวหน้าเขตเป็นผู้ทำ
ผู้ที่ประสงค์จะทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองต้องไปติดต่อที่สำนักงานเขต (กรุงเทพมหานคร) หรือที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้โดยขอทำที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้โดยขอทำที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอแห่งใดก็ได้ หากประสงค์จะขอทำพินัยกรรมนอกสำนักงานเขตหรือนอกที่ว่าการอำเภอก็ได้แต่ต้องอยู่ภายในท้องที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่การอำเภอนั้นๆ ด้วย ค่าธรรมเนียมการทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองทำในสำนักงานเขต ๕๐ บาท ทำนอกสำนักงาน ๑๐๐ บาท สำเนาคู่ฉบับๆ ละ ๑๐ บาท ค่าพยานไม่เกินวันละ ๕๐ บาท หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ คือ ๑. เอกสารสิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน, ใบหุ้น ๒. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ทำพินัยกรรม ๓. สำเนาทะเบียนบ้าน ๔. พยานอย่างน้อย ๒ คน (ถ้ามี) หากไม่มีพยานไปด้วย เขตหรืออำเภอคงจัดหาให้ได้โดยคิดค่าป่วยการพยาน
ผู้ทำพินัยกรรมต้องแจ้งข้อความที่ประสงค์จะให้ปรากฏในพินัยกรรมให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี และต่อหน้าพยานอย่างน้อย ๒ คน พร้อมกัน
เมื่อผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณีจดข้อความตามที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบและอ่านให้ผู้ทำพินัยกรรมฟังแล้ว ผู้ทำพินัยกรรมและพยานต้องลงลายมือชื่อไว้
ผู้อำนวยการเขต หรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณีต้องลงลายมือชื่อ วัน เดือน ปี ทั้งลงไว้ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่า พินัยกรรมได้ทำขึ้นถูกต้องตามขั้นตอนที่บัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๘ อนุมาตรา (๑) ถึง (๓) แล้วประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
ผู้ทำพินัยกรรมจะมอบพินัยกรรมนั้นไว้แก่ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณีก็ได้ โดยจะได้ใบพินัยกรรมยึดถือไว้ หรือหากผู้รับพินัยกรรมอาจขอรับพินัยกรรมไปเก็บไว้เองโดยลงลายมือชื่อขอรับพินัยกรรมที่ทำขึ้นนั้นในสมุดทะเบียนก็ได้
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นไม่สมบูรณ์เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณี ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้
พินัยกรรมซึ่งได้ทำแบบเอกสารฝ่ายเมือง ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอแล้วแต่กรณี จะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่และผู้ทำพินัยกรรมจะเรียกให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอส่งมอบพินัยกรรมนั้นแก่ตนในเวลาใดๆ ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ จำต้องส่งมอบให้ (มาตรา ๑๖๖๒ วรรคหนึ่ง) ก่อนส่งมอบพินัยกรรม ให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี คัดสำเนาพินัยกรรมไว้แล้วลงลายมือชื่อประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ สำเนาพินัยกรรมนั้นจะเปิดเผยแก่บุคคลอื่นใดไม่ได้ในระหว่างที่ผู้ทำพินัยกรรมยังมีชีวิตอยู่ (มาตรา ๑๖๖๒ วรรคสอง)
ตัวอย่างพินัยกรรมแบบเอกสารบ้านเมือง
พินัยกรรมแบบเอกสารบ้านเมือง
พินัยกรรมของ..................................................................................................................
เขียนที่..............................................
วันที่................เดือน...................พุทธศักราช................
ข้าพเจ้า.............................................................อายุ........................ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้าน
เลขที่.........................หมู่ที่...................ตำบล...............................อำเภอ.........................
จังหวัด..............................................
ทำพินัยกรรมต่อหน้า(.............................................)กรรมการอำเภอ.............................
และ..............................................พยานกับ
พยานดังต่อไปนี้
ข้อ1.ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุบไว้ในพินัยกรรม
นี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้
(1) ..................................................................................................................................
(2) ..................................................................................................................................
(3) .................................................................................................................................
ข้อ 2. ข้าพจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่
และข้อตั้งให้.........................................................เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตาม
พินัยกรรมนี้และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ
ข้อ 3. .........................................................................................................................
ข้อ 4. ข้อความแห่งพินัยกรรม กรมการอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าและพยานฟัง
โดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงตามความประสงค์ของข้าพเจ้าที่แจ้งให้กรรมการอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้ามีสติบริบูรณ์ดี จึงลงลายมือชื่อไว้
ต่อหน้ากรรมการอำเภอและพยานเป็นสำคัญ
ลายมือชื่อ............................................................ผู้ทำพินัยกรรม
ลายมือชื่อ..............................................พยานรับรองพินัยกรรม
และลายมือชื่อ
ลายมือชื่อ..............................................พยานรับรองพินัยกรรม
และรายมือชื่อ
บันทึก
ข้าพเจ้า.................................................กรรมการอำเภ.........................................
ขอรับรองว่า................................................ผู้ทำพินัยกรรมได้แจ้งข้อความที่ตนประสงค์ให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมดังกล่าวมาแล้วข้างต้นต่อหน้าข้าพเจ้าและพยาน...........คน คือ....................................................................ณ. ที่................................................
ข้าพเจ้าได้จดและอ่านข้อความที่ทำเป็นพินัยกรรมขึ้นนั้น ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง ผู้ทำพินัยกรรมและพยานได้รับรองว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อในพินัยกรรมนับว่าพินัยกรรมนี้ได้ทำขึ้นถูกต้องตามบทบัญญัติอนุมาตรา 1 ถึง 3 ของมาตรา 1658 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว
วันที่...........เดือน.....................พุทธศักราช..........
ลายมือชื่อ................................กรรมการอำเภอ
ประทับตำแหน่งเป็นสำคัญ
ลงสมุดทะเบียนพินัยกรรมแล้ว เลขที่....................................................................เจ้าหน้าที่
เนื่องจากทางบ้านผม (ลูกชายป้า) ได้ไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกไว้ เพราะแม่ได้เสียไปแล้ว จนตอนนี้เลย 100 วันมาเดือนกว่า จู่ๆ ทางลูกป้าอีกฝ่าย เขียนใส่กระดาษมาว่า พร้อมเมื่อไรบองมา จะได้ไปอำเภอเพื่อเปิดพินัยกรรมฝ่ายเมือง โดยมีตราเลขที่ 41/2549 มาด้วย ผมเลยไม่เข้าใจว่าถ้าไปเปิดที่อำเภอแล้ว ถ้าพินัยกรรมไม่ลงตัว ทางพี่ผมจะมีสิทธิ์ยื่นคัดค้านและขอแบ่งบรดกที่ดินให้เท่าเทียมหรือไม่ เนื่องจากพี่น้องลูกของป้ามี 6 คน ถึงแก่กรรมไป 2 เหลือ 4 คน แต่แบ่งฝ่ายละ 2 คน ที่สำคัญผลประโยชน์เงินค่าห้องเช่ากว่า 40 ห้อง ลูกอีกคนดูแลเก็บไปเองตลอด ไม่เคยมาแบ่งให้อีก 2 คนเลยแม้แต่น้อย จนแม่ตาย การจัดงานก็ปิดไม่บอกใคร ไปจัดกันเงียบๆ และจัดอย่างอนาถามากๆ แบบนี้จะมีทางดำเนินการอย่างไรบ้างครับ ส่วนผมในฐานะหลาน บ้านเป็นของน้องชายเจ้าของที่ดิน ถ้าผมถูกไล่ที่ตรงนี้ ผมจะเรียกค่ารื้อถอนเพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ได้หรือไม่เพียงใด เพราะจะไล่ทั้งหมดที่ไม่ใช่พวกเค้าครับ