วันที่ ๑๓ สค. ๔๙ ตอนเย็น ผมนั่งอ่านหนังสือ J. Krisnamurti : a life ที่สนามหญ้าเล็กๆ หน้าบ้านด้วยความชื่นบาน ท่ามกลางเสียงนกเขาขันคูมาจากหลังคาบ้าน เสียงนกปรอดร้องระงมก่อนเข้ารัง และเสียงดนตรีหลากชนิดใน iPod และท่ามกลาง "สวนป่า" เล็กๆ ตรงหน้า อากาศเย็นสบายด้วยลมโชยมาตลอดเวลา
หน้า 496 เล่าเรื่องกฤษณมูรติสนทนากับ เดวิด โบห์ม ทำให้กฤษณมูรติได้ความรู้เรื่องรากศัพท์มากมาย อย่างคำว่า intelligence (ความฉลาด) มาจากรากศัพท์ว่า inter กับ legere แปลว่า to read between ความฉลาดจึงหมายถึงความสามารถในการอ่านหรือเข้าใจลึกลงไประหว่างบรรทัด หรือระหว่างถ้อยคำ ระหว่างพฤติกรรม
ผมเถียงทันที ด้วยความชำนาญ ว่านั่นเป็นเพียงความฉลาดด้านหนึ่ง ยังมีความฉลาดอีกด้านหนึ่งที่สำคัญเท่าหรือสำคัญยิ่งกว่า
ความฉลาดอีกแบบอาจเรียกว่า ความสามารถในการโยงระหว่างบรรทัด ระหว่างถ้อยคำ ระหว่างพฤติกรรม เป็นการโยงให้เห็นภาพใหม่ ความหมายใหม่ สิ่งใหม่ ที่ยกระดับ หรือเปลี่ยนระนาบ เปลี่ยนมิติไปจากเดิม
ผมมองว่า "ปัญญาปฏิบัติ" เป็นส่วนผสมของความสามารถ ๒ ด้านนี้ โดยที่ความสามารถแบบหลัง คือแบบสังเคราะห์สำคัญกว่า แต่กล่าวอย่างนี้อาจจะผิด เพราะถ้าตีความได้ไม่ลึก ก็สังเคราะห์ได้ไม่ชัด เรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่ either - or แต่เป็น both - and
กฤษณมูรติเน้นการเรียนรู้จากปัจจุบัน คือสภาพที่เกิดขึ้นจริง พยายามสลัดมายาจากอดีตที่มาปิดกั้นการเรียนรู้จากสภาพจริงในปัจจุบัน
อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างละเลียด ปนอ่านข้าม คนคลั่ง KM อย่างผมอดที่จะมีอคติไม่ได้ว่า วิธีเรียนรู้ความจริงแนวกฤษณมูรติก็คือ KM นั่นเอง คือเน้นให้การปฏิบัตินำ คอยจ้องทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ คอยระวังไม่ให้ความคิดความเชื่อเดิมๆ มาบดบังการเรียนรู้จากการปฏิบัติ
ตอนทำงานวิชาการในมหาวิทยาลัย ผมถนัดคิดแบบแยกแยะ หรือวิเคราะห์ - analysis พอมาทำงานที่ สกว. รู้สึกได้เองว่าต้องใช้การสังเคราะห์มากกว่า เป็นการสังเคราะห์เพื่อหาวิธีปฏิบัติ ยิ่งตอนมาทำ สคส. ยิ่งต้องสังเคราะห์มากขึ้น หัดมองกว้างขึ้น คือมองเชิงเครือข่าย มองหา "การผุดบังเกิด" (emergence) ของหน่ออ่อน KM หลากหลายรูปแบบ มองหาการก่อตัวของเครือข่าย KM ที่ก่อเกิดขึ้นเอง สำหรับคอยเข้าไปเชียร์ และเข้าไปจับภาพ เพื่อชื่นชมภาพของความสำเร็จ หรือภาพของการดำเนินการ KM ที่ดี มีนวัตกรรม
วิจารณ์ พานิช
๑๓ สค. ๔๙
ไม่มีความเห็น