หกเดือนของการนำโมเดลระบบการดูแลผู้ป่วยมาใช้
และได้รับการพัฒนาขึ้นจากการทำงาน
จนสามารถนำไปทำงานต่อยอด และรุกแก้ปัญหาสุขภาพเดิมๆ
ที่ขาดกระบวนการทางด้านสังคม
ได้ผ่านไปอย่างสบายๆ แต่เมื่อย้อนมองอดีตที่ผ่านมาหยกๆ
กว่าจะถึงวันนี้วันที่อะไรๆก็ดูง่ายไปหมด
ก็ได้ผ่านแรงเสียดทาน เลือดที่หัวใจซิบๆเล็กน้อย
แล้วกลวิธีที่ได้เพียรพยายามปรับปรุงทุกครั้ง
เป็นการย้อนดูการกระทำเพื่อเข้าถึงจิตวิญญาณของผู้ป่วย
ทั้งสองกลุ่มคือกลุ่ม HM และ HT
เป้าหมายที่ได้วางไว้ในใจตรงส่วนนี้กำลังก้าวเดินอย่างช้าๆ
และเรียบง่าย
มีเพื่อนผู้ป่วยที่ผ่านกระบวนการตระหนักรู้
และเห็นคุณค่าในตนเอง
สักเปอร์เซ็นต์ และมีผู้ป่วยที่มีความสุขกับกลวิธีการดูแลสุขภาพ
ธรรมสักกี่เปอร์เซ็นต์ หรือมีผู้ป่วยมีสุขภาพดีขึ้น
กินยาน้อยลง ยืดเวลาหาหมอช้าออกไปด้วยสุขภาพที่ดีขึ้นนั้น
กี่เปอร์เซ็นต์
แม้แต่ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา
และหายไวกว่าปกติสักกี่เปอร์เซ็นต์
ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องใส่ใจมากนัก
สำคัญเพียงว่าสุขภาพโดยรวมของแต่ละคนที่เข้าสู่กระบวนการ
ที่บูรณาการแบบองค์รวมนี้
ทำให้เพื่อนๆมีความสุขทั้งกายใจ ครอบครัว
และสังคม สามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้อย่างเข้าใจ
.จุดนี้ต่างหากที่เราสนใจ
“พวกเรามั่นใจแล้วว่า การรักษาที่ดีต้องเริ่มที่ตัวพวกเราเอง”
และ
"การได้ฟังเสียงกายจึงรู้ว่าเราจะนำพาตัวเองไปเริ่มตรงจุดไหน”
“กระบวนการทางจิตตปัญญาช่วยให้ผมสบายใจและรู้สึกโล่ง"
"ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องให้ความสำคัญด้านจิตใจ”
”ฉันก็ทำสมาธิมานาน แต่ฉันไม่เคยเข้าถึงเลย”
“หนูเคยเรียน แต่หนูไม่รู้ว่าเราจะใช้สมาธิอย่างไร
ในชีวิตจริงนอกจากนั่งนิ่ง”
คำบอกเล่าอีกมากมายเมื่อทุกคนผ่านการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
อย่างเข้าใจและมีฉายแววแห่งความมุ่งมั่น
และร่วมมือเพื่อสุขภาพของตนเองออกมา
กลับทำให้ทีมงานมองเห็นแนวทางพัฒนางาน
เพื่อเพื่อนผู้ป่วยชัดเจนมากขึ้น และเราต้องเรียนรู้ต่อไป
เราจึงรู้ว่า เรามีเพื่อนทุกคนเป็นแบบฝึกหัดร่วมกัน
ลปรร.กันและกัน
และอาศัยบุคลากรตั้งแต่คนงานคนทำสวน ยาม
จนถึงระดับบริหารในโรงพยาบาล
เป็นครูในการก้าวเดินบนถนของการทำงานจิตอาสา
ในโรงพยาบาล
และยังโชคดีที่มีกัลยาณมิตรผู้รักการแบ่งปันทางออนไลน์
เวทีนี้จึงไร้ซึ่งพรมแดน และไร้กรอบ
หากผลการกระทำได้หลอมรวมจิตวิญญาณ
ของเหล่าสหวิชาชีพเป็นหนึ่ง
โดยมีเน้นผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ส่งผลให้การทำงานเกิดและมีระบบการทำงาน
ที่มีความเป็นอิสระมากขึ้นตามลำดับ
แต่มิได้หมายความว่าอิสระจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
แต่เป็นอิสระทางความคิดและเลือกที่จะนำวิธีการที่ดี
และได้ผลทางด้านจิตใจผู้ป่วยที่มีความเข้าใจในปัญหาสุขภาพ
และมีความตระหนักรู้ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นในตัวเองแล้ว
จึงเดินเข้าสู่กระบวนการรักษาทางการแพทย์โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
การที่ผู้ป่วยเกิดการยอมรับในกระบวนการรักษา
จึงหมายรวมทั้งการได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจของตนเองด้วยตนเอง
และมีความพร้อมรับสถานการณ์ที่วิ่งเข้ามา
มีอะไรอีกมากมายในรพ.ที่ผู้คนมองข้าม
เรื่องเล็กๆ ที่แม้แต่สีหน้าของผู้ทำหน้าที่
ก็มีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย
ยิ่งเป็นเรื่องกริยาอาการที่เก็บไม่อยู่ด้วยแล้ว
ถือว่าล้มเหลวต่อการเยียวยาทีเดียว
สิ่งเหล่านี้ได้ถูกหลายกลุ่มงานบอกลาแล้ว
และหันมาเอาใจเขาใส่ใจเรา
เอาใจเราไปใส่ใจเขาอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยหัวใจที่เบิกบาน และความปรารถนาจะให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
ดังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
จึงเป็นความจริงยิ่ง
เพราะความปรารถนาเป็นแรงขับเคลื่อน
และเป็นพลังบวกที่มีความทวีคูณในผลที่เกิด
ใครคนหนึ่งในg2k เคยกล่าวว่า 1+1 ไม่ใช่ 2
หากผู้ปฏิบัติได้ระลึกรู้บทบาทและหน้าที่ของตนอย่างถ่องแท้
ความยากลำบาก และปัญหาอุปสรรค์จึงถอยหนีไป
เว้นแต่ความพยายามนั้นถึงที่สุดแล้วหรือยัง
ไม่มีความเห็น