“มี consoult ห้อง714 เรื่อง Metabolic Syndrome ค่ะ” ดิฉันจึงเดินทางไปพบผู้ป่วยเป็นวิศวกรอายุ 54 ปี อยู่คนเดียว ภรรยาทำงานต่างจังหวัดจะกลับมาเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ พบว่า BMI=28.73 มี HT BP=144/84 mmHg มีประวัติีเบาหวานในครอบครัว ผล LAB ในครั้งนี้ HbA1c=5.4 % FBS=113 mg ไขมันปกติ ดิฉันได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น
หลังจากเราได้พูดคุยกัน จึงรู้ว่า....
ส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารที่ทำงาน เป็นบุฟเฟ่ย์
มื้อเช้า กาแฟ+ขนมปังไส้ต่างๆ หรือพายผลไม้ 1 ชิ้น
มื้อเที่ยง ข้าวราดแกง ข้าว 5-6 ส่วน กับข้าว 2-3 อย่าง ชอบทานเนื้อติดมัน ส่วนใหญ่จะเป็นผัดต่างๆ/แกงกะทิ
มื้อเย็น จะซื้อข้าวกล่องสำเร็จรูปที่ขายตามร้าน seven-eleven 1 กล่อง
มื้อเย็นนอกบ้านที่รับประทานกับภรรยา จะมีปริมาณมากกว่าปกติ
ปกติเขาจะวิ่งออกกำลังกาย 10 กิโลเมตรเกือบทุกวัน แต่ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ไปเพราะปวดหลัง ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ปัญหาที่พบสำหรับผู้ป่วยรายนี้ คือ ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกายเพิ่ม หมายถึงมีภาวะอ้วนขึ้น เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อาการปวดหลังจากหมอนรองกระดูกกดทับมีมากขึ้น อีกทั้งการรับประทานกลุ่มข้าวแป้งและไขมันยังมีสัดส่วนไม่เหมาะสมในบางมื้อ ร่วมกับช่วงนี้ยังไม่ได้ออกกำลังด้วย ทำให้ได้รับพลังงานมากเกินความต้องการของร่างกาย จึงเกิดการสะสมลงพุงที่หน้าท้องร่วมด้วย
"วันหนึงผมกินไม่ถึง 2000 kcal หรอก ผมเคยพบนักโภชนาการมาแนะนำหลายคนแล้ว และพอจะทราบว่าควรทำอย่างไร แต่ผมไม่มีเวลาไปสรรหาอาหารได้อย่างที่คุณบอก งานผมเยอะ ทางที่ทำงานจัดอาหารให้ไม่สามารถเลือกได้ ถ้าผมอยากลดน้ำหนักจริงๆ ก็จะไม่ทานมื้อเย็นแล้วไปออกกำลังกายเอา " จะเห็นได้ว่า ผู้ป่วยอยู่ในภาวะปฏิเสธและยังไม่พร้อมในการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากยังไม่เห็นประโยชน์ของการดูแลสุขภาพตนเอง
ความรู้สึกของดิฉันตอนนี้ เขามองดิฉันว่าเป็นเด็กเกินกว่าที่จะให้คำแนะนำเขา อยากให้พี่ที่มีประสบการณ์อยู่ด้วยในขณะนั้น แต่ด้วยความตั้งใจที่ดีอยากให้เขาเห็นความสำคัญของอาหาร จะได้ลดภาวะทรุดโทรมของสุขภาพ โดยเฉพาะครั้งนี้แพทย์นัดเขามาผ่าตัด Laminectomy L2-5 ดิฉันจึงพยายามที่จะให้เขาเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แพทย์ต้องการให้พบกับนักโภชนาการเพื่อควบคุมน้ำหนักและแนะนำกลุ่มอาการเมตะบอลิก ที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่แสดงความผิดปกติของหลายๆ ระบบร่วมกันในคนๆ เดียว อันจะนำมาซึ่งภาวะอ้วนลงพุง ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากที่สุด ร่วมกับมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น นิสัยการบริโภค การออกกำลังกาย หรือการมีอายุมากขึ้น
ดิฉันแอบสอดแทรกความรู้เกี่ยวการเลือกรับประทานในแต่ละมื้อให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้ป่วยแบบง่ายๆที่เขาสามารถทำได้ เช่น ต้องตักอาหารแต่พออิ่ม โดยค่อยๆ ลดข้าวลง เลือกกับข้าวที่ใส่ผงชูรสให้น้อยที่สุด ไม่ใส่เลยก็จะดี เน้นผัก หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันและอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบสูง แนะนำแนวทางในการเลือกหรือเลี่ยงอาหารแต่ละอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปสรรหา ใหม่ แต่ให้รู้จักเลือกส่วนที่ดีในจานอาหารตรงหน้า
ถึงตอนนี้ดิฉันอยากจะขอบคุณเขาที่เปิดให้โอกาสดิฉันได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเองในการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ยังไงก็ต้องทำให้ได้ สู้ตายค่ะ...