เหรียญเงินยกน้ำหนักโอลิมปิกที่ได้มาจะต่อยอดทางปัญญาของน้องแต้ว พิมพ์ศิริ ศิริแก้ว อย่างไรดี


น้องแต้ว เธอเลือกมาเรียนทางด้านพลศึกษา จึงถือว่าเป็นการเลือกในทางที่ถูกกับความสามารถของเธอ และก็โชคดีที่มีสถาบันทางพละศึกษาให้เรียน และมีครูดีที่คอยแนะนำให้เดินมาถูกทางแนวคิดพหุปัญญานี้ ถ้าหากหัวหน้าสถานบันการศึกษา นักการศึกษา ครูอาจารย์ทั้งหลายเอาไปคิดไปไตรตรอง ให้ดี ๆ แล้วหาทางการจัดการเรียนรู้ให้ถูกต้อง สอดคล้องกับความสามารถในแต่ละด้ายของแต่ละคน ก็อาจอาจจะมีผลดีกับเยาวชนอีกมากมาย

คนไทยเรามีความสุขกันถ้วนหน้า  ที่น้อง แต้ว  หรือ พิมพ์ศิริ ศิริแก้ว  คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกจากกีฬายกน้ำหนักมาได้

กว่าจะได้มา ไม่ได้มาง่าย ได้มาด้วยความพยายาม และมุ่งมั่นของน้องแต้ว

เธอเริ่มต้นเอาดี ทางด้านนี้  ในปี พ.ศ. 2551 ในรายการเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก รุ่น 58 กิโลกรัม สามารถคว้าเหรียญทองมาได้สำเร็จ แล้วต่อได้ลงแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ ปี พ.ศ. 2552 ที่ลาวเป็นเจ้าภาพ ซึ่งน้องแต้วก็สามารถคว้าเหรียญเงินมาได้
 
ใน พ.ศ. 2553 น้องแต้ว ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ เอเชียนเกมส์ ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งน้องแต้วสามารถยกน้ำหนักรวม ทำลายสถิติเดิมของตัวเอง ให้มาอยู่ที่ 220 กิโลกรัม ทว่ากลับได้เพียงแค่ที่ 4 เท่านั้น ไม่ได้รับเหรียญรางวัลใด ๆ
 
ปี พ.ศ. 2554 น้องแต้วกลับมาแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้ น้องแต้วลงแข่งในรุ่นที่ใหญ่กว่าเดิมคือ รุ่น 63 กิโลกรัม และสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ในที่สุด ด้วยน้ำหนักรวม 229 กิโลกรัม
 
โอลิมปิกครังนี้ น้องแต้วก็สามารถยกน้ำหนักรวมได้ 236 กิโลกรัม ใกล้เคียงกับสถิติการยกน้ำหนักรวมสูงสุดของตัวเองที่ 237 กิโลกรัม ที่สร้างไว้ในปี พ.ศ. 2554 ในรายการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย  

น้องแต้ว เกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

เนื้อหาสาระข้างบนนี้ปรับแต่ง เรียบเรียงมาจาก  http://hilight.kapook.com/view/74389

สำหรับประวัติก่อนหน้ามาเป็นนักกีฬา  ที่ฟังเอาจากทีวี บอกว่าน้องแต้วไม่ได้เป็นทอม ที่เราดูเอาจากทรงผมและรูปร่าง  เธอเป็นผู้หญิงแท้ ๆ  แต่ต้องทำตัวเป็นนักกีฬา  ภาพตอนเด็ก ๆ เธอแต่งตัวแต่งหน้า ถือป้ายกีฬาโรงเรียน   การได้เหรียญโอลิมปิก ก็ถือว่าสุดยอด  แต่ที่สุดยอดได้ก็คงมีอะไรที่เป็นเบื้องหลังของความสำเร็จอีกเยอะ

ตามทฤษฎีพหุปัญญา เขาบอกว่าปัญญาของมนุษย์ แบ่งออกเป็น  8 ด้าน ได้แก่

1. ปัญญาด้านภาษา

2. ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ 

3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์

4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว

5. ปัญญาด้านดนตรี

6. ปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์

7. ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง

8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา

 หากเอาทฤษฎีนี้มาอธิบาย ความสามารถของน้องแต้วก็บอกได้ว่า น้องแต้ว เธอมีปัญญาเลิศในด้านที่ 4  คือ ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว  

น้องแต้ว เธอเลือกมาเรียนทางด้านพลศึกษา จึงถือว่าเป็นการเลือกในทางที่ถูกกับความสามารถของเธอ  และก็โชคดีที่มีสถาบันทางพละศึกษาให้เรียน และมีครูดีที่คอยแนะนำให้เดินมาถูกทาง

แนวคิดพหุปัญญานี้ ถ้าหากหัวหน้าสถานบันการศึกษา   นักการศึกษา  ครูอาจารย์ทั้งหลายเอาไปคิดไปไตรตรอง ให้ดี ๆ  แล้วหาทางการจัดการเรียนรู้ให้ถูกต้อง สอดคล้องกับความสามารถในแต่ละด้ายของแต่ละคน ก็อาจอาจจะมีผลดีกับเยาวชนอีกมากมาย 

หากคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี ที่เป็นรูปธรรม  ลองคลิ๊กชมวีดิทัศน์ จาก โทรทัศน์ครูเรื่องนี้ http://www.thaiteachers.tv/vdo2.php?id=180 (ดูให้จบนะครับ) ท่านต้องได้ความคิดดี  ๆ ที่เป็นพื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ให้แก่เด็ก ๆ  ที่มีความสามารถด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว เช่น นักกีฬา นักเต้นรำ นักแสดงละคร  หรือเป็นชอบงานด้านการฝีมือ หรือนักอะไรก็แล้วแต่ที่ ชอบทำอะไรด้วยตนเองมากกว่าจะให้คนอื่นทำให้ตน   หากคิดให้ดี ๆ  ความรู้นี้จะช่วยเอาไปแก้ปัญญาเด็กตีกันในระยะยาวได้อีกด้วย 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อตอบโจทย์ว่า จะต่อยอดทางปัญญาของ   น้องแต้ว พิมพ์ศิริ ศิริแก้ว อย่างไรดี 

หมายเลขบันทึก: 496861เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2012 11:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 สิงหาคม 2012 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เมื่อสัก 20 นาที ที่ผ่านมา ณ เวลา นี้ 20.20 น. 1 สิงหาคม 2555 เราก็ได้เห็นอัจฉริยะทางการกีฬาอีกคนหนึ่ง  น้องเมย์ รัชนก อินทนน์ ก็เอาชนะนักลูกขนไก่ชาวเยอรมันที่น้องเคยแพ้มาถึง 3 ครั้ง ชนิด 2 เกมรวด และเข้ารอบแข่งขัน  16  คน สุดยอดจริง ๆ สำหรับเจ้าหนูอายุ 17 ปี  ดูฟอร์ม กริยาท่าที่ ที่เรียบ นิ่ง  แล้ว มันใจได้ว่าน้องได้ต้องเป็นหนึ่งของโลก  คอยเชียร์กันให้ได้นะครับ  ให้ดีก็ควรชวนลูกหลานให้ดูด้วย อาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจในเรื่อง เอาดีทางการกีฬาได้อีกทาง 

น้องเมย์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นคนร้อยเอ็ด เริ่มเล่นแบดมินตันมาตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ และเริ่มเข้าร่วมการแข่งขันเมื่ออายุเพียง 7 ขวบ โดยเป็นแชมป์ครั้งแรกในการแข่งขัน "อุดรธานีโอเพ่น" และจากนั้นเธอก็ได้ครองแชมป์ในการแข่งขันมาโดยตลอด

น้องเมย์ สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ครองแชมเปี้ยนแบดมินตันเยาวชนโลกถึง 3 สมัยซ้อน และชนะการแข่งขัน "บีดับบลิวเอฟ เวิลด์ จูเนียร์ ทีมแชมเปี้ยนชิพ 2011" ที่เมืองเต้าหยวน ประเทศไต้หวัน เมื่อปีที่ผ่านมา เธอยังได้รับรางวัลนักแบดมินตันดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีจากสหพันธ์แบดมินตันโลก เมื่อปีพ.ศ.2552 อีกด้วย

(จาก  http://hilight.kapook.com/view/64790)      

คืนนี้ คืนวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เวลา 19.57 น. ชม-เชียร์ น้องเมล์  เอาชนะนักขนไก้อันดับ 2 ของโลก ชาวจีน ที่เคยติดอันดับหนึ่งมาก่อน......มีความสุขโดยทั่วกันนะครับ

การต่อสู้ของน้องเมล์อายุ 17 กับ นักตีลูกขนไก่จีนอายุ 27 ก็สิ้นสุดลง แม้น้องเมล์จะแพ้จากการแข่งขัน 3 เซ็ท แต่น่องเมล์ก็ชนะใจคนดู ที่สู้สุดฤทธิ์ วันนี้แพ้ แต่มั่นใจว่า อีกหลายสิบปีข้างหน้า ที่กีฬาโอลิมปิกรอ ให้น้องเมล์ ไปเอาเหรียญ มาให้คนไทยได้ชื่นชม ระหว่างรออีก 4 ปี
แต่คิดว่ายังมีการแข่งขันนัดใหญ่ ๆ ในระหว่างนั้น ให้คนไทยได้ชื่นชม เชียร์ กันอีก

ขอชื่นชมน้องเมล์ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ช่วยกันสร้างนักกีฬาลูกขนไก่ เทนนิสไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท