ใครใหญ่กว่ากัน, ไม่อนุมัติเบี้ยเลี้ยง+ทุน การฝึกอาชีพชุมชน, ป่วย 1 วันใช้ใบรับรองแพทย์?, แผนการสอนประถม-ม.ปลาย 1/55, ขึ้นเงินครู ศรช.อยู่ที่ อ.หรือ จ., ย้ายพนักงานราชการ, ให้ต่างด้าวเรียน, ขอเครื่องราชฯแล้วเปลี่ยนตำแหน่ง


เครื่องราชฯที่เคยได้แล้วถึงจะเปลี่ยนตำแหน่งก็ยังถือว่าได้แล้ว, จะเพิ่มมาตรฐานวิชาชีพครูอีก 2 รวมเป็น 11 มาตรฐาน, พนักงานราชการลาป่วย 1 วัน ไม่ต้องแนบใบรับรองแพทย์, แผนการสอนแบบบูรณาการ ระดับประถมศึกษา-ม.ต้น และ ม.ปลาย ภาคเรียนที่ 1/2555 ฉบับสมบูรณ์ กศน.ตำบลบางโพธิ์เหนือ, การขึ้นเงินค่าตอบแทนครู ศรช. ดำเนินการโดยจังหวัด, ขั้นตอนการขอย้ายของพนักงานราชการ (อีกครั้ง), การฝึกอาชีพชุมชนให้เบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังที่มีอยู่เดิม ไม่อนุมัติให้จ่ายเบี้ยเลี้ยง+อุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ผู้เรียน

สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 9 เรื่อง ดังนี้

 

         1. วันอาทิตย์ที่ 8 ก.ค.55 เวลา 8:00 น.  ผมไปร่วมงานวันสุทธารำลึก มอบทุนการศึกษา และพิธีทำบุญเปิดป้ายอาคาร 1 และหอประชุมอาคารเอนกประสงค์  ณ โรงเรียนผักไห่”สุทธาประมุข”  ในฐานะกรรมการสถานศึกษา

 

         2. วันเดียวกัน ( 8 ก.ค. ) “คุณนายน้ำฟ้าจ้ะ” ถามผมผ่านเฟซบุ๊คว่า  จังหวัดขอเครื่องราชฯให้ตั้งแต่เป็นครูอาสาฯ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นครูผู้ช่วย มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้รับพระราชทานเครื่องราชฯเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย ( บ.ม. ) ไม่ทราบว่าขณะนี้ติดได้ไหม

             ผมตอบว่า   ประดับได้  ( ได้แล้วได้เลย )  ควรประสานงานกับ จนท.งานบุคลากรจังหวัดว่า เมื่อถึงเวลาที่จะขอ บ.ม. ให้เราตอนเป็นครูผู้ช่วย ก็ไม่ต้องขอให้แล้ว รอจนกว่าถึงเวลาขอเครื่องราชฯชั้นสูงกว่า บ.ม. ค่อยขอให้   ( ลองอ่านในข้อ 2.4 ที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/472755 )

 

         3. ใครใหญ่กว่ากันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกับคุรุสภา
             นายสุชาติ  ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้ผู้ที่ไม่มีปริญญาทางการศึกษา สามารถเป็นครูได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียนอีก 1 ปี    แต่คุรุสภากลับบอกว่า ผู้ที่ไม่ได้เรียนครูแต่มีความเหมาะสมที่จะเป็นครูสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( ไม่เกี่ยวกับการศึกษาตามอัธยาศัยและการศึกษาต่อเนื่องหลักสูตรระยะสั้น ) ก็ให้พิสูจน์โดยการสอบมาตรฐานวิชาชีพครู 9 มาตรฐาน หรือ 9 วิชา  ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นครูจริง จะสามารถสอบผ่านรอบเดียว 9 วิชาเลย ไม่ต้องเสียเวลาเรียน 1 ปีอยู่แล้ว
             ( 9 วิชา คือ 1. ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู 2.การพัฒนาหลักสูตร 3.การจัดการเรียนรู้ 4.จิตวิทยาสำหรับครู 5.การวัดและประเมินผลการศึกษา 6.การบริหารจัดการในห้องเรียน 7.การวิจัยทางการศึกษา 8.นวัตรกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา และ 9. ความเป็นครู )

             นอกจากจะไม่สนองนโยบายรัฐมนตรีว่าการฯแล้ว วันที่ 10 ก.ค.55 มีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อมวลชนว่า คุรุสภายังกลับเสนอข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ ให้รัฐมนตรีว่าการฯพิจารณาเพื่อให้การรับรอง   โดยข้อบังคับนี้ เพิ่มมาตรฐานวิชาชีพครูขึ้นอีก 2 มาตรฐาน รวมเป็น 11 มาตรฐาน ( ที่เพิ่มคือ คุณธรรม กับจรรยาบรรณวิชาชีพ   เข้าใจว่าแยกออกมาจากมาตรฐานที่ 9 ความเป็นครู เพื่อให้ลงลึกถึงภาคปฏิบัติ ได้แก่ เข้าปฏิบัติธรรมตามแต่ละศาสนา อย่างน้อยปีละ 50 ชั่วโมง เข้าค่ายลูกเสือ อย่างน้อยปีละ 50 ชั่วโมง เข้าศึกษาดูงานในโครงการพระราชดำริ ปีละ 30 ชั่วโมง หรือเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมอาสาสมัครปีละ 30 ชั่วโมง )
             โดยบอกว่า เมื่อครบ 30 วัน ถ้า รมว.ยังไม่รับรองข้อบังคับนี้กลับมายังคุรุสภา   พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาระบุให้เป็นอำนาจของคุรุสภาที่จะเสนอประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เลย
             ( กฎหมายให้อำนาจคุรุสภามาก )

             ฉะนั้นแนวโน้มคงเพิ่มจาก 9 เป็น 11 ค่อนข้างแน่  ถ้ากฎหมายออกมาเมื่อไร จะกระทบกับการเรียน ป.บัณฑิต ด้วย คือต้องเรียนเพิ่มเป็นมากกว่า 9 วิชา
             ใครเรียน ป.บัณฑิตช้า โดยเริ่มเรียนหลังกฎหมาย 11 มาตรฐานมีผลบังคับ จะต้องเรียนมากกว่าเดิม

 

         4. วันเดียวกัน ( 10 ก.ค. )  มีการถามและวิพากษ์วิจารณ์กันในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบว่า  พนักงานราชการลาป่วย 1 วัน จำเป็นต้องแนบใบรับรองแพทย์ด้วยหรอ
             ผมได้ร่วมแสดงความเห็น ดังนี้    มีระเบียบการลาของพนักงานราชการโดยเฉพาะ คือ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเรื่องสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ พ.ศ.2554   กำหนดไว้ในข้อ 4 (1) ว่า  "การลาป่วย มีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริงโดยนับแต่วันทำการ การลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำการขึ้นไป ผู้มีอำนาจอนุญาตอาจสั่งให้มีใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลที่ทางราชการรับรองประกอบการลาหรือประกอบการพิจารณาอนุญาต ก็ได้"
             ควรชี้แจงผู้บริหารด้วยระเบียบนี้ ( ดาวน์โหลดได้ที่ http://ahph9thi.gotoknow.org/assets/media/files/000/804/903/original_use.pdf )   โดยให้เหตุผลว่า เป็นการป่วยไม่ถึง 3 วัน ในลักษณะที่ไม่ได้ไปสถานพยาบาล จึงไม่มีใบรับรองแพทย์
             ( คิดว่า อาจเป็นเพราะผู้บริหารเขารู้ว่าไม่ได้ป่วย แต่เถลไถลหรือหลีกเลี่ยงบางอย่าง  อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารก็ต้องระวังเรื่องระเบียบใหม่ด้วย )
             อย่างไรก็ตาม (อีกครั้ง ) ถึงแม้เราจะไม่ยอมหาใบรับรองแพทย์มาให้ ได้  แต่ก็ไม่ดีกับตัวเรา  ผู้บริหารอาจจะจำเราไว้ เลื่อนขั้นเราก็อาจจะได้เลื่อนไม่กี่เปอร์เซ็นต์  ฉะนั้น ถ้าไม่ได้ป่วยจริง ควรพูดกับผู้บริหารดีๆจะดีกว่า เช่นบอกว่าต่อไปจะไม่ทำอีก



 

         5. ตอนดึกคืนวันที่ 10 ก.ค.55  คุณอาคม ครู กศน.ตำบลบางโพธิ์เหนือ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบ  ( น่าสนใจ ควรนำมาเผยแพร่ )  ว่า   
             “ข่าวดี ... แผนการสอนแบบบูรณาการ ระดับประถมศึกษา - ม.ต้น และ ม.ปลาย ภาคเรียนที่ 1/2555 ฉบับสมบูรณ์ กศน.ตำบลบางโพธิ์เหนือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี คาดว่าจะสามารถส่งให้สมาชิกที่สมัครในเว็บไซต์ทุกคน ( http://www.bangphonua.com/ ) ในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. 2555 นี้ครับ สำหรับท่านที่เป็นสมาชิกไม่ต้องรอดาวน์โหลดให้เมื่อยครับ จะส่งทางอีเมล์ให้ครับ แต่ท่านที่ใช้อีเมล์ปลอม... ต้องขออภัยที่ไม่สามารถส่งให้ท่านได้ครับ ”

 

         6. วันที่ 11 ก.ค.55  คุณธวัชชัย ครู ศรช. กศน.อ.กุมภวาปี  ถามผมผ่านเฟซบุ๊ค ว่า  เมื่อไรเงินครู ศรช.จะขึ้น  ที่อำเภอ ครู ศรช.แต่ละคนรับผิดชอบนักศึกษา 150 คน  การขึ้นเงินครู ศรช. อยู่ที่ ผอ.อำเภอหรือจังหวัด
             ผมตอบว่า   การขึ้นเงินเดือนครู ศรช. เป็นบทบาทหน้าที่ของจังหวัด โดยจังหวัดเป็นผู้สอบคัดเลือกครู ศรช.  เป็นผู้เซ็นสัญญา เป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้ง   แต่จังหวัดก็คงถามข้อมูลและความเห็น ผอ.อำเภอด้วย   โดยปกติ จังหวัดจะจ่ายให้เท่ากันทั้งจังหวัด  เพราะถ้าไม่เท่ากัน อำเภอไหนได้น้อยกว่าก็จะขมขื่นอีก   อย่างที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บางอำเภอบอกว่าเงินพอที่จะขึ้นให้ แต่บางอำเภอบอกว่าเงินไม่พอ  จังหวัดเลยตัดสินใจยังจ่ายเท่าเดิมทั้งจังหวัด  ว่าจะขึ้นให้ปีงบประมาณหน้า

 

         7. วันเดียวกัน ( 11 ก.ค. )  คุณณัฐณิชาช์ ครู กศน.ตำบล กศน.อ.ขุนยวม  ถามผมผ่านเฟซบุ๊คว่า  เป็นครู กศน.ตำบล อายุงาน 2 เดือน จะขอย้ายไปอำเภออื่นในจังหวัดเดียวกันได้หรือไม่
             ผมตอบว่า   เรื่องการย้ายพนักงานราชการ ( ไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่กำหนดในสัญญาจ้าง ) ไม่ได้กำหนดอายุงานไว้  อายุงาน 2 เดือนก็ขอย้ายได้
             ที่จริงผมไม่อยากนำเรื่องนี้มาบันทึกลงอีก เพราะเคยบันทึกเรื่องนี้ในเว็บบล็อกนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งแล้ว  แต่คุณณัฐณิชาช์ แจ้งว่า  “ฝ่ายบุคคลที่จังหวัด บอกว่า ติดเลขที่อัตราตำแหน่งพนักงานราชการ”    ผมจึงขอนำตัวอย่างมาบันทึกเพิ่มเติมไว้อีกครั้ง
             ผู้สนใจ ศึกษาหนังสือสั่งการและขั้นตอนวิธีการย้ายพนักงานราชการ ได้ในข้อ 4 ที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/463102    ซึ่งการย้ายไปต่างอำเภอ ก็ใช้ระเบียบหลักเกณฑ์เดียวกับการย้ายไปต่างจังหวัด แต่ง่ายกว่าตรงที่ไม่ต้องทำขั้นตอนในข้อ 4 (3) และ (4)
             ในระหว่างที่จังหวัดส่งเรื่องไป กจ.กศน.แล้ว  จังหวัดอาจจะออกคำสั่งให้ย้ายชั่วคราวไว้ก่อนเลยก็ได้  ตามตัวอย่างที่  http://phattalung.nfe.go.th/e_office/photo/1384.pdf
             หลังจากนั้น ส่วนกลางจะออกคำสั่งย้าย ตามตัวอย่างที่  http://phattalung.nfe.go.th/e_office/photo/1537.pdf

 

         8. วันเดียวกัน ( 11 ก.ค. )  คุณวนิดา ขรก.ครู กศน.อ.เมืองลพบุรี  ถามผ่านหน้าเฟซบุ๊คผมว่า  คนต่างด้าว เช่น ลาว เขมร สามารถเรียนได้ไหม
             เรื่องนี้  ปัจจุบันรัฐบาลเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศสามารถเข้าเรียนได้ ( ยกเว้นกลุ่มที่หนีภัยมาจากการสู้รบ จัดให้เรียนได้เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนด )
             มีระเบียบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ อยู่ในหนังสือคู่มือการดำเนินงานฯ ปกสีเหลือง ( อยู่ในชุดหนังสือ 9 เล่ม ที่แจกให้ครูทุกคนตอนอบรมหลักสูตรใหม่ ) ในหน้า 96-114
             แต่ทางที่ดี เราควรให้ผู้ประสงค์จะเรียนซึ่งไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ไปติดต่อทำบัตรประจำตัว กับฝ่ายทะเบียนอำเภอ ตามข้อ 2.2 ในหน้า 100 ก่อน  ( เขาพำนักอยู่ในเขตท้องที่ไหนก็ให้ไปติดต่อฝ่ายทะเบียนท้องที่นั้น  ฝ่ายทะเบียนอำเภอจะมีความรู้ในการตรวจสอบดีกว่าเรา  บางครั้งเราก็อ่าน VISA/Passport ของเขาไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเป็นวีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่าประเภทไหน )

 

         9. วันที่ 12 ก.ค.55  ท่าน อ.กฤติพัฒน์ กป.กศน. เล่าให้ผมฟังว่า ตามที่ กศน.ส่งเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอาชีพ ณ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ไปให้นำเข้า ครม. โดยขอจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ผู้เรียนวันละ 160 บาท/คน ค่าตอบแทนวิทยากรวันละ 1,200 บาท เงินอุดหนุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ให้ไปประกอบอาชีพ คนละ 5,000 บาท ( ตามที่แสดงเป็นละครเรื่องมนต์รักสิบหมื่น ในพิธีเปิดโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน OTOP Mini MBA ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อ 18 พ.ค.55 ไปแล้ว ) นั้น
             ก่อนนำเข้า ครม. ได้ให้หน่วยงานต่าง ๆ เสนอความเห็นประกอบ ปรากฏว่ามีหน่วยงานคัดค้าน 2 หน่วยงานคือ กระทรวงการคลัง กับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   คณะกรรมการกลั่นกรองจึงสรุปว่าไม่เห็นชอบ ไม่ต้องนำเข้า ครม. ให้เบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังที่มีอยู่เดิม และได้ส่งเรื่องกลับมาถึง กป.แล้วเมื่อ 11 ก.ค.55

             ทั้งนี้ กป.กศน.จะแจ้งหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินมาให้เป็นแนวปฏิบัติอีกครั้ง

 

 

หมายเลขบันทึก: 494593เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2012 16:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม 2012 11:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เข้ามาอ่านเรื่องของอาจารย์เอกชัยทีไร..ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นตลอดเลยครับ..ขอขอบคุณครับ

ขอเรียนถาม..อาจารย์เอกชัยครับ...ว่า โปรแกรมฐานข้อมูลผู้จบหลักสูตร สามารถดาวห์โหลดได้ที่ไหนครับ

โปรแกรมฐานข้อมูลผู้จบหลักสูตร ( NFE-GDM ) นี้  ได้รับความอนุเคราะห์จาก ศน.สุพจน์  มงคลพิชญลักษณ์ สนง.กศน.จ.สระบุรี  ให้ไฟล์โปรแกรมมา 3 ไฟล์  สามารถดาวน์โหลดโดยคลิกที่
             - ไฟล์คู่มือ/คำอธิบาย การใช้โปรแกรม ( Manual-nfe_gdm )  http://sdrv.ms/NvceHh 
             - ไฟล์โปรแกรมสำหรับติดตั้ง ( nfe_gdm )  http://sdrv.ms/N5EVA4 
             - ไฟล์อธิบายวิธีนำข้อมูลผู้จบฯ เข้าโปรแกรม ( howinput_nfegdm )  http://sdrv.ms/NmtvUA 

 

  • เจออาจารย์เอกชัยครั้งใดหูตากว้างไกลมากขึ้นจริงๆ
  • ขอบคุณมากค่ะที่มาเยี่ยมชม
  • ข้อมูลข่าวสารล้วนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น
  • ใครเข้ามาอ่าน รับรู้ที่ไรได้ใจกันทุกคนค่ะ

ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ Blank Blank Blank

 

ขอบพระคุณ..อาจารย์เอกชัยมากครับสำหรับโปรแกรมฐานข้อมูลผู้จบหลักสูตร ( NFE-GDM ) ที่หามาให้

ตอนนี้ บล็อคของ ผอ.ภัชราพร  กศน.อำเภอเสนา มีการเคลื่อนไหวแล้ว นะคะ ฝาก อ.เอก ลบ ( ไม่มีการเคลื่อนไหว ) ออกด้วยนะคะ

 

ลบแล้วนะครับ ( นึกว่าไม่มีใครเข้าไปดูหน้านั้นแล้วเสียอีก.. หึหึ ขออภัยด้วย )

สวัสดีค่ะ อ.เอกชัย ขออนุญาตนำเรียนถามนะคะ(คำถามอาจเก่าคนอื่นเขาแต่หนูงงคาใจ)

ได้รับบรรจุ พนง.จ้างภารกิจ ๔ ปี ใน ตน.ผช.จพง.ธุรการ ฝ่ายเร่งรัดจัดเก็บรายได้ กองคลัง สัญญาจ้าง ๑ พ.ค. - ๓๐ ก.ย. ๕๕  ที่อบจ.(แห่งหนึ่ง)ทางภาคเหนือ แต่ได้ไปปฏิบัติราชการนอกสนง.ประจำอยู่ที่ รง.ทำปุ๋ยหมักในสังกัด อบจ.พื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด (บ้านอยู่ อ.แม่ริม ระยะทางรถ จยย.ไป-กลับ ๖๕ กม.) งานในหน้าที่คือชั่งน้ำหนัก/ลงบันทึกรถขยะที่นำขยะเข้าทิ้งประจำวัน หน.สั่งให้ไปทำงานในวันเสาร์ด้วย (อบจ.ทำสัญญากับ บ.SCG เข้าดำเนินการจัดการเรื่องขยะ บ.เอกชนทำงาน จ-ส)  แต่ไม่ได้ค่าล่วงเวลาในวันเสาร์ พอสอบถามได้รับคำตอบว่าต้องไปเพราะถือว่าตามลักษณะงานต้องไป และเรื่องค่าแรงวันเสาร์ต้องรอสอบถามจากกองการเจ้าหน้าที่ก่อนไม่สามารถตัดสินใจเองได้  หนูเห็นคนอื่น(กองอื่นๆ)ได้เบี้ยเลี้ยงวัน ๒๔๐ บ. ไปคุมสอบวัน ส./อา. ได้วัน ๔๐๐ บ. พี่ๆ เขาแนะว่าเวลาราชการคือ จ-ศ ตั้งแต่ ๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ทำตกเบิกก็ไม่ได้เพราะไม่มีคำสั่งให้ไปทำงานวันเสาร์ แต่ถึงทำคำสั่งออกมาก็ไม่มีการออกย้อนหลัง

๑. กรณีของหนูสรุปว่าเบิกไม่ได้หรือไม่เบิกให้แน่คะ?

๒. ถ้าเบี้ยเลี้ยงก็ไม่ได้ขอเบิกค่าน้ำมันรถแทนจะได้ไหมคะ?

๓. และตอนนี้ก็ไม่ไปทำงานวันเสาร์ได้ ๒ เสาร์แล้วถือว่าขัดคำสั่งหน.ไหมคะ?

๔. แล้วควรทำอย่างไรต่อไปถึงจะดีทั้ง ๒ ฝ่ายคะ?  กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

ต้องขอโทษด้วยครับคุณป้อม ผมไม่กล้าตอบเรื่องของสังกัดอื่นครับ ผมไม่รู้ข้อมูลรายละเอียด

 

ถึงอย่างไรก็ต้องขอบพระคุณที่ให้คำแนะนำค่ะ หนูเองตอนถามไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีก่อนเผื่อโพสต์เสร็จถึงเอ๋อเหรอ ต้องขออภัยที่รบกวนท่านอาจารย์ด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท