ในการทำงาน การเรียน การแสดง หรือทุกๆอย่างของชีวิต ทุกที่จะต้องมีภาวการณ์แข่งขันกันตลอด สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือเรื่องธรรมดานะครับ
สิ่งสำคัญก็คือการที่ทุกคนต้องการจะรังสรรค์สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ดีที่สุดขึ้นมานั้น เจ้าสิ่งที่เราทำขึ้นมานี่ สำคัญหรือไม่สำคัญสังเกตจากตรงไหน
ส่วนตัวผมคิดว่า สังเกตจากอุปสรรค์ต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา ยิ่งมากยิ่งสำคัญ นี่ว่ากันตามประสบการณ์กันเลยนะครับ
ตรงอุปสรรค์นี่แหละครับที่มีหลายคนรู้สึกท้อ ยอมแพ้ ไม่ทำต่อ...โฟกัสกันนิดนึงนะครับ เจ้าอุปสรรค์นี่ก็มีกันทุกรูปแบบนะครับ การไม่ส่งเสริม การทำเฉยเมย การมองไม่เห็น เป็นต้นนะครับ
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้มีกันทุกเมื่อเชื่อวัน หลายครั้งก็พากันทำจนเป็นลักษณะของกลุ่ม กลายเป็นสิ่งที่ทำต่อๆ กันไป กลายเป็นอุปสรรค์ของกลุ่ม อุปสรรค์ของสังคมไป ทำจนกระทั่งลืมไปเลยว่าการทำสิ่งที่ถูกต้อง การทำสิ่งใหม่นั้นทำกันอย่างไร อาจจะเลย..จนพลอยคิดไปว่า ไม่จำเป็นต้องขวนขวายก็ไม่เป็นไร ก็ส่งผลให้บุคคลเหล่านั้นไม่ได้ทำสิ่งที่หลายคนรอคอยซะที ยิ่งในชีวิตเรานั้นใครๆ ก็ชอบความสบายกันทั้งนั้น ซึ่งสบายก็ตรงข้ามกับความสำเร็จอีกด้วย เหล่านี้ก็เลยทำให้คนประสพความสำเร็จนั้นมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตจากประสบการณ์ของตนเอง แทบทุกครั้งที่เราสามารถทำงานเล็กๆ น้อยๆ สำเร็จ ตัวเองก็จะรู้สึกปลื้มนะ คิดว่าคนอื่นก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกันหากได้ลองเปลี่ยนมุมมองในการเผชิญปัญหาน่ะ ยิ่งจะดีมากนะครับ หากเรามีคนสนับสนุน คนอื่นไม่สนับสนุนก็ให้คุณพ่อคุณแม่ก็ได้ เผอิญผมมีคุณแม่ที่มีอะไรๆ ก็เออออห่อหมกไปหมด ทำอะไรก็ถูกใจไปซะหมด ตรงนี้เป็นสิ่งดีมากๆ ครับ สิ่งที่ผมต้องการจากแม่ก็คือ คนที่เห็นด้วย ตรงนี้ทำให้ผมมีรอยยิ้ม มีความมั่นใจ มีความอุ่นใจนะ นี่ก็เป็นในส่วนที่สอง ตอนที่สองต่อจากการชมตัวเองให้เป็น นะครับ
มา มา มา เรามาชมคนกันเอง
ชมตัวเอง เมื่อมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น
อืม....เห็นด้วยค่ะ
ให้กำลังใจตัวเองเป็น...สุขสบายใจ
ขอบคุณแง่มุมดี ๆ นะคะคุณเพชร
ฟ้างามช่วง Twilight พอดีค่ะ สวย :)
ขอบคุณ ทพญ.ธิรัมภา นะครับ ที่มาให้กำลังใจกัน บันทึกนี้อาจจะเป็นการผ่อนคลายด้วยนะครับ ก็เป็นการเติมพลังให้กับชีวิตด้วยแง่คิดเล็กๆ น้อยๆ ครับ
ขอบคุณคุณปริม นะครับที่ให้กำลังใจกันเสมอ ผมก็แอบไปอ่านบันทึกของคุณปริมเรื่อยๆ อ่ะนะ
และขอบคุณทุกๆ ท่านที่กดดอกไม้ด้วยครับ มันเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน นะครับ