ปริมาณ |
หน่วยเดิม |
หน่วยใหม่ (SI unit) |
กัมมันตภาพรังสี(Radioactivity) |
คูรี(Ci) |
เบคเคอเรล(Bq) |
รังสีที่ถูกดูดกลืน(Absorbed dose) |
แรด(Rad) |
เกรย์(Gy) |
รังสีที่ทำให้อากาศแตกตัว (Exposure) |
เรินท์เกน(R) |
คูลอมบ์ต่อกิโลกรัม(C/kg) |
รังสีสมมูล(Dose Equivalent) |
เรม(Rem) |
ซีเวิร์ต(Sv) |
1. ปริมาณกัมมันตภาพรังสี (Radioactivity)
1 (Bq) = 1s-1 และ 1 Ci = 3.7x1010Bq
2. ปริมาณรังสีที่ถูกดูดกลืน (Absorbed dose)
1 Gy = 1 Jkg-1 = 100 rads
3. ปริมาณรังสีที่ทำให้อากาศแตกตัว (Exposure)
1 เรินท์เกน = 2.58x10-4 คูลอมบ์ต่อกิโลกรัม
4. ปริมาณรังสีสมมูล (Dose Equivalent)
HT = SRWRxDTxR
ขีดจำกัดขนาดของรังสีขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคล
อวัยวะ หรือ เนื้อเยื่อ |
ขนาดรังสีสูงสุดที่อนุญาตให้รับได้ สำหรับ ผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติงานทางรังสี "MPD" |
ขีดจำกัดขนาดของรังสีสำหรับประชาชน "Dose limit" |
อวัยวะสืบพันธุ์ |
3 เร็ม ใน 3เดือน |
0.5 เร็ม ใน 1ปี |
ไขกระดูกทั่วร่างกาย |
5 เร็ม ใน 1ปี หรือถ้าจำเป็นก็ใช้สูตร 5(N-18)เร็ม (N=อายุเป็นปี) |
|
ผิวหนัง |
15 เร็ม ใน 3 เดือน |
7.5 เร็ม ใน 1ปี |
กระดูกไธรอยด์ |
30 เร็ม ใน 1ปี |
|
มือ และ แขน |
40 เร็ม ใน 3 เดือน |
7.5 เร็ม ใน 1ปี |
เท้า และ ข้อเท้า |
38-75 เร็ม ใน 1ปี |
|
อวัยวะอื่นๆ |
15 เร็ม ใน 1ปี |
1.5 เร็ม ใน 1ปี |
ขนาดของรังสีกับอาการเจ็บป่วยที่ปรากฏ
ขนาดของรังสี ที่ร่างกายได้รับทั้งร่าง (Rem) |
อาการเจ็บป่วยที่ปรากฏ |
0-25 |
ไม่ปรากฏแน่ชัด |
25-50 |
มีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดโลหิต |
50-100 |
เม็ดโลหิตมีการเปลี่ยนแปลง อ่อนเพลีย อาเจียน ไม่มีความพิการปรากฏ |
100-200 |
มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น มีความพิการ |
200-400 |
มีการเจ็บป่วยทางรังสี มีความพิการ หรืออาจเสียชีวิตได้ |
400 |
โอกาสรอดชีวิต 50 เปอร์เซนต์ |
มากกว่า 400 |
โอกาสเสียชีวิตสูง |
อ้างอิงข้อมูลจาก :
http://www2.egat.co.th/ned/index.php?option=com_content&view=article&id=164&Itemid=172
http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/65/nuclear1/unit.html
http://health.kapook.com/view24286.html
http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/65/nuclear1/limit.html
ตอนที่โรงงานนิวเคลียสระเบิด ทำไมคนญีปุ่นหาซื้อ โพแทสเซียมไอโอได ไว้รับประทาน ครับ
เพราะว่า
ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์ หรือไอโอดีน เป็นยาที่ผลิตขึ้นในสูตรเดียวกับที่ประเทศรัสเซียใช้ เมื่อเกิดการระเบิดของโรงไฟฟ้าปรมาณู ที่รัสเซีย โดยนักวิจัยพบว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ จากรังสีไอโอดีน 131
(รังสีแกมมาและเบต้า) ได้ดี ดังนั้น จึงปกป้องประชาชนที่ได้รับสารกัมมันตรังสีได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นยาเฉพาะที่ผลิตมาเพื่อสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น การที่จะแจกจ่ายให้ประชาชนได้ก็ต้องได้รับการยืนยันก่อนว่า จำเป็นต้องใช้จริงๆ สำหรับวิธีรับประทาน โพแทสเซียมไอโอไดด์ หรือไอโอดีน คือ สามารถรับประทานได้ก่อนเข้าสู่พื้นที่เสี่ยง ที่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ก่อน 1-12 ชม.โดยฤทธิ์ของยาจะอยู่ได้นาน 24 ชม.เด็กอายุ 1 เดือนถึง 3 ปี รับประทานขนาด 32 มิลลิกรัม เด็กอายุ 3-18 ปี ทาน 65 มิลลิกรัม ส่วนผู้ใหญ่อายุมากกว่า 18 ปีแต่ไม่เกิน 40 ปี ทานในขนาด 130 มิลลิกรัม คือ ปริมาณ 1 เม็ดนั่นเอง สำหรับผู้ใหญ่วัยตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไปนั้นนับว่าเป็น กลุ่มที่อาจเสี่ยงต่อการแพ้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์ หรือไอโอดีน ดังนั้น ถ้าไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงมากของรัศมีการแพร่สารกัมมันตรังสีก็ไม่แนะ นำให้ทาน เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงจากยาชนิดนี้ ส่วนหญิงตั้งครรภ์ควรรับประทานขนาด 130 มิลลิกรัม ปริมาณแค่ 1 เม็ดครั้งเดียว
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น จากการแพ้ยา คือ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ร้อนในปากและลำคอ บางรายมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือขั้นต่อมน้ำลายอักเสบ หรือมีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งเป็นอาการของการแพ้ยา ดังนั้นแนะนำว่า หากเลี่ยงได้ไม่ควรจะเดินทางเข้าใกล้บริเวณที่มีสารกัมมันตรังสีเลยจะดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้ยาดังกล่าว
ข้อควรระวังเป็นพิเศษสำหรับการใช้ยาโพแทสเซียมไอโอไดด์ คือ ยาชนิดนี้ห้ามใช้ในคน 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่ใช้แพ้ไอโอดีน 2.ผู้ป่วยต่อมไทรอยด์มีพิษโดยกลุ่มนี้หาเป็นกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับยา 3.การจะกินยานี้ได้ ต้องไม่มีการกินยาชนิดอื่นที่มีไอโอดีนอยู่แล้ว และกลุ่มที่ 4 คือ ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
ข้อแนะนำ : เนื่องจากยาชนิดนี้เป็นชนิดเข้มข้น หากกินยาเกินขนาดหรือมีความถี่กว่าข้อแนะนำในฉลากยา นั้นไม่ได้ช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีกว่าเดิมในการป้องกันการเกิดมะเร็งของต่อม ไทรอยด์ จากรังสีไอโอดีน 131 เลย หากแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงต่อการกระตุ้นอาการแพ้ และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.healthupdatetoday.com/product/detail-14181.html
ปล. ขอบคุณมากนะคะ._^