ขออภัย ที่ทิ้งช่วงเวลานานหลายวัน จากหลายสาเหตุที่ไม่สามารถจะบันทึกต่อในประเด็นที่ค้างไว้เมื่อครั้งที่แล้ว ว่าด้วย " ระบบการศึกษาที่แก้ความทุกข์ยากของคนทั้งแผ่นดิน " ของท่านศาสตราจารย์ประเวศ วะสี
วันนี้ จะขอนำเนื้อหาต่อเนื่อง ซึ่งท่านกล่าวว่า " ระะบการศึกษาที่ดีควรก่อให้เกิดความสุขถ้วนหน้า" มีว่าอย่างไร
มีบุคคลมากหลาย ที่พยายามแก้ไข ปรับปรุง หรือปฏิรูปการศึกษา แต่ระบบการศึกษาก็ดื้อยามาก เพราะอะไรที่เป็นผลของความเชื่อ ค่านิยม และโครงสร้างแล้ว แข็งแรง ประดุจปราการเหล็กดังกล่าวข้างต้น การบ่นว่า ประณามกล่าวโทษใด ๆ ไม่มีกำลังพอที่จะแหวกความเหนี่ยวแน่นของความเชื่อ - ค่านิยม-โครงสร้างออกไปได้
เราต้องเห็นใจความทุกข์ยากของกันและกัน และร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ใช้อำนาจ แต่ใช้ปัญญาร่วมกัน จึงจะสามารถปรับเปลี่ยนความเชื่อ ค่านิยม และโครงสร้างไปสู่ระบบการศึกษาที่แก้ความทุกข์ยากของคนทั้งแผ่นดินได้
กระบวนการที่ปรับเปลี่ยนความเชื่อ ค่านิยม และโครงสร้าง ให้หลุดพ้นออกจากความเชื่อและการปฏิบัติที่ไม่ได้ผลที่ทางพระเรียกว่า "สีลัพพตปรามาส" สีลัพพตปรามาส คือ การสะสมความเชื่อที่ไม่เป็นประโยชน์จริง จะมีในทุกองค์กรและทุกสังคม อันจะนำไปสู่ความติดขัดและสภาะวิกฤตขององค์กรหรือสังคมนั้น ๆ จนต้องเปลี่ยนแปลงความเชื่อและจารีตกันครั้งใหญ่เพื่อให้พ้นวิกฤต
จุดวิกฤตของการศึกษา คือการคิดแบบแยกส่วน เอาวิชาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง ซึ่งอะไรก็ตามที่เอาอย่างอื่นเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง ล้วนนำไปสู่วิกฤตการณ์ทั้งสิ้น เพราะเป็นการแยกส่วนไปเป็นคนละ เรื่อง ๆ
แต่ถ้าเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง อะไร ๆ ก็มารวมอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สุขภาะ เศรษฐกิจ ศิลป ฯลฯ จะเกิดปรากฎการณ์ที่ว่า " การศึกษาอยู่ในทุกสิ่่ง ทุกสิ่งอยู่ในการศึกษา" ไม่ได้ชำแหละออกเป็นเรื่องๆ การชำแหละทำให้ตัดขาดและหมดชีวิต ดังการชำแหละโค ชำแหละสุกร ความมีชีวิตอยู่ที่การเชื่อมโยง เมื่อเชื่อมโยงก็บูรณาการและเกิดดุลยภาพ ดุลยภาพก็คือ ความสุขและความยั่งยืน
ชีวิตนั้นมีความละเอียดลออ เชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอก จึงเชื่อมโยงกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
.....ยังไม่จบนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความเห็น