หลังจากที่เครือข่ายท่าศาลา - นบพิตำของเราเริ่มนำวิธีการจัดกระบวนการ การเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน (context based learning=CBL) มาใช้่ ในการพัฒนาระบบงานหรือพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในเครือข่าย เราก็เริ่มเห็นถึงความแตกต่างของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้บริบทเป็นฐานกับการประชุมวิชาการ หรือการบรรยายในห้องประชุมเหมือนดังที่ผ่านๆมา ดังนี้
1. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานนั้น ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งด้านเอกสาร แบบฟอร์ม ข้อมูลข่าวสาร วิชาการ กลวิธีในการทำงาน มุมมองหรือทัศนคติของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
2. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน สามารถพัฒนาทักษะของเจ้าหน้าที่ในด้าน การพูด การฟัง การแสดงความคิดเห็น ทักษะการฝึกปฏิบัติ การเล่าเรื่อง แทนที่จะนั่งฟังความรู้ด้านวิชาการจากวิทยากรเพียงอย่างเดียว
3. การจัุดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนางานในเชิงระบบ เช่น จากการไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการเยี่ยมบ้านผู้ป่วย สามารถนำไปสู่การพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงวิธีการ เอกสาร แบบฟอร์ม ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานเยี่ยมบ้านในแต่ละสถานบริการ และนำไปสู่การพัฒนาระบบการเยี่ยมบ้านของเครือข่ายบริการสุขภาพได้
4. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน ทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีในกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรม เกิดสุนทรียสนทนา และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ในเครือข่ายให้มากยิ่งขึ้น
5. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน สามารถจัดวิธีการเรียนรู้ได้หลากหลายวิธีการ หลายสถานที่ และหลายเทคนิค ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
6. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้เป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่หา ผ่านระบบประสาทสัมผัส คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เนื่องจาก การได้เห็นได้ดูจาก case จริงสถานที่จริง ได้สอบถาม/สัมภาษณ์ ได้วางแผนการดูแล การฝึกปฏิบัติ กับผู้ป่วยจริง และการเสริมความรู้ทางด้านวิชาการจากแพทย์หรือวิทยากรกลุ่มอีกด้วย
7. การจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน เป็นวิธีการจัดการความรู้ที่สามารถกระทำได้ในทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ ไม่มีข้อกำหนดตายตัว ผู้จัดการเรียนรู้จึงสามารถนำไปประยุกต์ได้ โดยใช้กระบวนยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายท่านอาจจะเคยจัดการเรียนรู้แบบนี้มาแล้วแต่อาจจะเรียกวิธีการจัดการความรู้ที่แตกต่างกันไปจากนี้ เช่น KM, inservice training,case conference หรือการใช้หลายๆวิธีการรวมกัน ซึ่งก็แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคนหรือแต่ละหน่วยงาน แต่คิดว่าสิ่งสำคัญที่เหมือนกันก็คือการคำนึงถึงประโยชน์ หรือสิ่งที่จะได้รับจากการจัดการเรียนรู้ว่าตรงหรือสอดคล้องกับความต้องการของทั้งผู้เรียนรู้และผู้จัดการเรียนรู้หรือไม่
องค์ความรู้แน่นปึ๊กเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ