ผมเป็นนักเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ม.ค. ๕๕ ผมจึงได้เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ถึง ๒ แห่งในเวลา ๓ ชั่วโมง ในบันทึกนี้จะเล่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ “ลูกครึ่ง” หรือPeranakan Museumที่สิงคโปร์
ลูกครึ่งในที่นี้ หมายถึงลูกครึ่งจีนกับคนพื้นเมืองในคาบสมุทรมลายู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องแคบมะละกา คนเหล่านี้ค่อยๆ สั่งสมความมั่งคั่งบทบาทเกียรติยศศักดิ์ศรีและศิลปวัฒนธรรมประจำกลุ่ม จนเป็นที่ยอมรับในสังคม อ่านเรื่องราวของเปอรานากันได้ที่นี่
เมื่อกลับมาค้นในเน็ตจึงพบเรื่องราวของเครื่องถ้วยเปอรานากันในภาคภาษาไทย ที่นี่และละครเรื่อง บ้าบ๋า ย่าหยา รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย
ผมไปถึงหลังเวลาเปิดคือ ๙.๐๐ น. นิดหน่อย บริเวณนั้นยังมีรถน้อย และผมอาจจะเป็นคนแรกที่เข้าชมก็ได้ ความประทับใจแรกคือความสะอาด เป็นระเบียบ และทันสมัย ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วเมื่อเขาเห็นหน้าผมก็ถามว่าซีเนียร์ใช่ไหม คนสิงคโปร์หรือเปล่า ในฐานะคนต่างชาติสูงอายุผมจ่ายค่าเข้าชมครึ่งเดียวคือ ๓ เหรียญ พร้อมทั้งมอบมิวเซียมไกด์ (ให้ความรู้โดยสังเขปดีมาก) ซองของขวัญวันตรุษจีน กระดาษแสตมป์สะสมตรานูนสัญลักษณ์ ที่เอามาใช้เป็นที่คั่นหนังสือได้ ๒ แผ่น เป็นรูปเครื่องแต่งกายคน เปอรานากัน กับรูปวงกลม อย่างละแผ่น
ผมเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน ก็ยิ่งประทับใจในความสะอาด และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
ก่อนกลับมีชายวัยกลางคนมาขอให้ผมกรอกความเห็นจากการมาเยี่ยมชม พร้อมทั้งมอบจดหมายข่าว the peranakan issue 4 2011 ช่วยให้ผมทราบเมื่อกลับมาอ่านเอกสารนี้ที่บ้าน ว่าเขามี The Peranakan Associationและมีสาขาของสมาคมนี้ที่ภูเก็ต
ในจดหมายข่าวนี้ บทความเด่นประจำฉบับชื่อ Good Girl, Bad Girl : Baba Peter Lee takes a humorous, historical jaunt through the world of Peranakan mothers บอกว่าคนเปอรานากันย่อมมีเลือดทาสอยู่คนละเล็กละน้อยเสมอ เพราะในสมัยก่อนโน้นชาวจีนออกนอกประเทศได้เฉพาะชาย จึงมาได้ภรรยาที่เป็นคนท้องถิ่น และจำนวนมากเป็นหญิงที่ถูกขายเป็นทาส
ผมได้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเปอรานากันมากมาย ประทับใจในพิธีแต่งงาน ที่ใช้เวลาถึง ๑๒ วัน ตอนผมไปแต่งงานลูกสาวที่ไฮเดอราบัด อินเดีย เขาบอกว่าตามปกติพิธีต้องใช้เวลา ๗ วัน แต่ครอบครัวของว่าที่ลูกเขยเป็นคนสมัยใหม่ จึงย่อลงเหลือเพียง ๓ วัน ยังตกใจ (เล่าไว้ที่ ๑, ๒, ๓) มารู้ว่า เปอรานากันมีพิธีแต่งงาน ๑๒ วัน ก็คิดว่าเขาทำให้พิธีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้อยู่กันยืด เดี๋ยวนี้การแต่งงานคลายความศักดิ์สิทธิ์ลงไปมาก ชีวิตแต่งงานที่อยู่กันไม่ยืดมีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ
ความประทับใจอีกอย่างหนึ่งคือชีวิตของลูกสะใภ้เปอรานากัน เขามีโคลงภาษาท้องถิ่นที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ อ่านแล้วนึกถึงสุภาษิตสอนหญิงของเรา ซึ่งเวลานี้คงจะมีคนกล่าวหาว่าเป็นการกดขี่ต่อเพศหญิง ผมถ่ายรูปโคลงนี้เอามาลงไว้ด้วย
ที่จริงครอบครัวผมก็เป็นลูกครึ่งจีนกับคนท้องถิ่นเหมือนกัน แต่เป็นคนท้องถิ่นจริงๆ ไม่มีวัฒนธรรมจำเพาะ ชีวิตไม่มีสีสัน ไม่มีฐานะทางสังคมแบบเปอรานากัน รวมทั้งลูกครึ่งจีนในประเทศไทยเราผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม กลายเป็นคนไทยไปเลย ไม่แยกหรือสร้างวัฒนธรรมเฉพาะตัวขึ้นมาแบบเปอรานากันแถบช่องแคบมะละกา
ไปชมกลับมาไตร่ตรองว่า นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่เน้นเรื่องราวของคนใหญ่คนโตหรือมั่งคั่ง ไม่มีเรื่องราวของชาวบ้านทั่วไปที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ไม่แสดงชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่ กล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ดีนะครับ ดี แต่มีข้อจำกัดที่โลกทัศน์ของผู้จัดทำ ที่ต้องการสร้างเรื่องราวการยอมรับคนเปอรานากันในสังคม
วิจารณ์ พานิช
๑๕ ม.ค. ๕๕
สิงคโปร์
โคลงสอนสะใภ้
|
แฟชั่นสาวเปอรานากัน เรียกชื่อสาวเหล่านี้ว่า Nongya
|
โต๊ะอาหารและเครื่องถ้วยชามเศรษฐีเปอรานากัน
|
โต๊ะจัดอาหาร
|
ครัว
|
สมบัติติดตัวของเจ้าสาวแสดงฐานะของพ่อแม่เจ้าสาว
|
เตียงนอนคู่กับเตียงนอนเดี่ยวตั้งคู่กันในห้องหอ
|
พิธีแห่ขันหมากเปอรานากัน
|
เครื่องเคลือบอันงดงาม
|
การแต่งกายของเปอรานากันสมัยก่อน
|
Kebaya
|
Baju
|
เรียน คุณหมอครับ
ความจริงสิ่งเหล่านี้บ้านเรามีมาก แต่ยังขาดการจัดการ การประชาสัมพันธ์ คงใช้หลัก KM ของคุณหมอช่วย