The Lady : อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ


The Lady : อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ

โดย Luc Besson

ประเภท อัตชีวประวัติ ดราม่า (โรแมนติก – ผู้เขียน)

 

          การที่อังกฤษปกครองพม่านับร้อยปีโดยนำระบอบของอังกฤษจากอินเดียมาใช้ โดยไม่คำนึงถึงลักษณะวัฒนธรรม วิถีชีวิตดั่งเดิมของพม่า (โดยเฉพาะพวกอังกฤษใส่รองเท้าเข้าพื้นที่วัด) ทำให้ชาวพม่าไม่พอใจกับอังกฤษ ชาวพม่าต่อต้านอย่างรุนแรง เรียกร้องเอกราช การก่อตั้งขบวนการชาตินิยม ตะขิ่น (THAKIN) ขึ้นมา

          คำว่า "ตะขิ่น" แปลว่า นาย (Master) เป็นคำที่อังกฤษบังคับให้ชาวพม่าเรียกตนเองว่า นาย อันเป็นความรู้สึกขมขื่นจิตใจของนักศึกษาชาวพม่า ตะขิ่น เป็นขวนการของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยร่างกุ้ง ที่ได้รับความรู้แบบตะวันตก โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องเสรีนิยมและสังคมนิยม ทำให้นักศึกษาเปรียบเทียบการปกครองของอังกฤษในเวลานั้น คนพม่าไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง จึงมีการตั้งสโมสรนักศึกษา และตั้งกลุ่มตะขิ่นเพื่อเตือนความเจ็บช้ำที่อังกฤษบังคับตน ผู้ก่อตั้ง นำโดย อองซาน อูนุ และเนวิน จุดประสงค์คือเพื่อรณรงค์ให้อังกฤษแก้ไขการปกครองในพม่า แยกพม่าออกจากอินเดีย และให้ชาวพม่ามีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง ไม่นานนัก กลุ่มตะขิ่นมีฐานอำนาจมากขึ้นจนสามารถเจรจาต่อรองกับรับบาลอังกฤษได้

          ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มตะขิ่นเพื่อแยกตัวออกจากอังกฤษ แต่กลุ่มตะขิ่นนำโดยอองซาน หาเชื่อน้ำคำของญี่ปุ่น แยกตัวออกมาจัดตั้งองค์กรต่อต้านญี่ปุ่น  Anti Fescist People’s Freedom League (AFPFL) โดยร่วมมือกับอังกฤษ เมื่อสิ้นสงคราม อังกฤษเข้ามาปกครองพม่าดังเดิม แต่ครั้งนี้อังกฤษยอมเจรจากับอองซาน ยอมให้ชาวพม่าเข้ามาปกครองทั่วไป พม่าเตรียมร่างรัฐธรรมนูญในปี ค.ศ. ๑๙๔๗ และมีการเลือกตั้งในปีเดียวกัน เจ้ากรรม ฝ่ายที่ชนะการเลือกตั้งคือพรรค AFPFL ที่นำโดยอองซานและรัฐมนตรี 8 คนถูกสังหาร

          นี่คือจุดเริ่มต้นของการปกครองประเทศภายใต้รัฐบาลทหารที่ขึ้นชื่อว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนมาที่สุดในโลก

           นี่คือจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์อัตชีวประวัติ ออง ซาน ซูจี บุตสารของเนวิน

           The Lady เป็นเรื่องราวของออง ซาน ซูจี (มิเชล โหยว) บุตรสารวีรบุรุษของชาติ ที่กลายเป็นเสาหลักในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่าต่อจากบิดา ในปี ๒๕๓๑ ซูจีต้องออกจากอ็อกฟอร์ดประเทศอังกฤษเพื่อไปเยี่ยมมารดาที่ป่วยหนักในพม่า การเดินทางกลับครั้งนี้ของเธอรู้ดีว่า นี่จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายและไม่ได้กลับมาอังกฤษอีก เธอโบกมือลาครอบครัว (สามี ลูกชายสองคน) ในรถแท็กซี่ที่ภายนอกฝนตก หยดน้ำฝนบดบังภาพครอบครัวของเธอลื่นลาง นี่คือฉากเด็ดฉากหนึ่งของเรื่อง

           ซูจี เห็นภาพความรุ่นแรงโดยทหารที่ทำต่อประชาชนและนักศึกษาชาวพม่า เธอเข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองโดยการชักชวนจากนักวิชาการประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยร่างกุ่งอย่างกระอักกระอ่วนใจ เธอใช้หลักอหิงสาแบบคานธีสู้กับกับปืนของรัฐบาลทหาร เธอก่อตั้งพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย เธอกลายเป็นนักการเมืองขวัญใจประชาชนในไม่ช้า แต่เธอต้องพบอุปสรรคมากมาย รัฐบาลทหารเริ่มหวั่นไหวและรู้ชะตากรรมของตนเองจึงทำทุกอย่างเพื่อยุติบทบาทของเธอและพรรค จนในที่สุดเธอถูกบังคับให้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้พบหน้า ดร.ไมเคิล แอริส (เดวิด ธิวลิส) สามีและลูก ๆ ของเธอ

           ตลอดระยะเวลาแห่งการขุมขังถึง ๑๕ ปี เธอมีเรี่ยวแรงและกำลังใจอยู่ได้อย่างไร ผู้หญิงตัวคนเดียวสู้เพื่อประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร ภาพยนต์เรื่องนี้มีคำตอบ

           ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจัดให้ออยู่ในหมวด ดราม่า (ชีวิต) แต่ผมขอจัดให้อยู่ในหมวดหนังรัก รักแบบโรแมนติกเสียด้วย

           ความรักที่อัดแน่นที่อยู่ใน The Lady นั้นมีอยู่ ๒ ความรักคือ ความรักระหว่างครอบครัวคือ ดร.ไมเคิล แอริส กับ ออง ซาน ซูจี, ออง ซาน ซูจี กับ ลูก ๆ  และความรักของออง ซาน ซูจีต่อแผ่นดินเกิด ออง ซาน มีเสรีที่จะเลือกให้เลือกระหว่าง ครอบครัวหรือแผ่นดิน เธอบอกว่านี่คือการบังคับต่างหาก แล้วเธอก็เลือก

           The Lady แสดงให้เห็นว่า ซูจี ได้เรี่ยวแรงกำลังใจจากสามีของเธอเป็นอย่างมากในการต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ในระหว่างที่เธอต่อสู้อยู่ในประเทศพม่า ดร.ไมเคิล แอริส สามีของเธอสู้เพื่อเธอโดยเรียกร้องรางวัลโนเบลอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยหวังว่าหากซูจีได้รางวัล จะเป็นเกราะป้องกันกระสุนให้เธอได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ดร.ไมเคิล แอริส ยังวิ่งเต้นต่อสหรัฐอเมริกาเพื่อคว่ำบาตรพม่า และเรียกร้องให้องค์กรสหประชาชาติสนใจพม่ามากขึ้น ทั้งสองได้เจอกันน้อยมาก จนหลัง ๆ ทั้งสองถูกรัฐบาลเผด็จการทหารกีดกันไม่ให้พบกัน สุดท้าย ดร.ไมเคิล อริส เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เขาและเธอก็ไม่มีสิทธิพบกัน นี่คือความรักแบบครอบครัวที่มีอยู่อย่างเต็มเปรี่ยมในเรื่อง

          ส่วนความรักที่เธอมีต่อแผ่นดินเกิดนั้นมีมากน้อยแค่ไหน ผมไม่ขอบรรยายในที่นี้ ทุกท่านคงทราบดี

          อีกเรื่องหนึ่งที่จะขอพูดในที่นี้คือ ภาพความรุนแรง ความโหดเหี้ยมไร้จิตใจของทหารพม่า ที่ฆ่าคนเป็นผักปลา ฆ่าโดยไม่ต้องคิด ไม่กระพริบตา สายตาทหารทุกนายโหดเหี้ยมเหมือนไม่ใช่คน หนังสร้างภาพทหารราวกับซาตาน ต่างกับที่สร้างภาพซูจีราวกับนางฟ้า หากเข้าใจพื้นฐานของสหภาพพม่า ก็จะรู้ว่า สหภาพพม่าเต็มไปด้วยชนกลุ่มน้อยมากมายที่อยู่ตามหุบเขาและตะเข็บชายแดน แต่ละกลุ่มล้วนอยากปลดแอกตนเอง ทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่า รัฐบาลทหารและทหารต้องเข้มแข็ง โหดเหี้ยม ดุดัน มิฉะนั้นจะไม่สามารถควบคุมกลุ่มชนเหล่านี้ได้ หากท่านเข้าใจเรื่องนี้ ก็จะเข้าใจภาพความโหดร้ายของทหารในหนังได้

          ฉากเด็ดในเรื่องเรียกอารมณ์ นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ขอแนะนำคือ ฉากการขึ้นปราศรัยของซูจีที่มหาเจดีย์ชเวดากอง อาจทำให้ท่านขนลุก อาจทำให้ชาวพม่าฮึกเหิม แต่เสียดายที่หนังไม่ได้ฉายในพม่า ฉากซูจีเดินเข้าหาปืนหลายกระบอกที่เล็งเข้ามาหาเธอ ฉากที่สามีและลูก ๆ ของเธอรับรางวัลโนเบลแทนซูจี และฉากสุดท้ายของเรื่อง รับลองว่าเรียกน้ำตาท่านได้ไม่มากก็น้อย

           ส่วนเรื่องการแสดง มิเชล โหยว แสดงได้ดีจนน่าชื่นชน บทออง ซาน ซูจี เหมาะสมกับ มิเชล โหยว อย่างยิ่ง เหมาะทั้งรูปลักษณ์ อากัปกิริยา การพูด ได้ยินว่า เธอท่องบทแต่ระบทหลายสิบรอบ โดยเฉพาะบทกล่าวสุนทรพจน์ที่เธอต้องพูดเป็นภาษาพม่าที่มีความยาวกว่า ๔ นาที เธอท่องเป็นร้อยรอบ สมควรได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอย่างที่สุดในทุกรางวัล ส่วน เดวิด ธิวลิส ที่รับบท ดร.ไมเคิล อริส สามีซูจี เท่าที่ผมดูผลงานของธิวลิสมา ผมว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเขา

           The Lady มีการค้นคว้าขอมูลมากมาย ดูวีดีโอเทปกว่า ๒๐๐ ชั่วโมง มีการสัมพาทย์บุคคลใกล้ชิดหลายคน หลาย ๆ คนให้รูปภาพในเหตุการณ์ความไม่สงบจำนวนมาก ภาพยนตร์จึงออกมาสมจริง

            ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ นี้เป็นมุมมองของผู้ที่อยู่ฝ่ายซูจี ไม่มีมุมมองที่มาจากฝ่ายทหารมากนัก จึงไม่อาจชั่งน้ำหนักได้เท่าที่ควร แต่มันก็เป็นปกติของภาพยนต์อัตชีวประวัติ

           The Lady โดยยอดผู้กำกับ Luc Besson จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวอัตชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากท่านไม่ใช้แฟนภาพยนตร์แนวนี้ ภาพยนตร์อาจทำให้ท่านเบื่ออาจเดินออกจากโรงก่อนฉายจบ อย่างที่รอบผมดูนั้นมีคนเดินออกก่อนหนังจบตั้งเกือบชั่วโมง

            นี่คือหนังอัตชีวประวัติที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยความรัก โดยที่ไม่มีคำว่ารักแม่แต่คำเดียว

 

วาทิน ศานติ์ สันติ

ดูที่ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ปางกะปิ

บัตร ๑๔๐ บาท

๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 477819เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2012 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน 2013 07:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ว้าว น่าชมมากๆ เลยค่ะ ชอบๆ

เมเจอร์ บางกะปิ ทำให้คิดถึงสมัยเรียน ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท